เบิร์ต ฟาน มาร์ไวค์ โค้ชจอมอาภัพทีมชาติฮอลแลนด์ เผยสุดเจ็บปวด ที่ไม่สามารถนำทัพ "ฟลายอิ้ง ดัตช์แมน" ผงาดคว้าแชมป์เวิลด์ คัพ 2010 หลังแพ้ สเปน 0-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ยอมรับ ทีมไม่ได้เล่นในสไตล์ที่สวยงาม แต่ไม่สำคัญหากสามารถคว้าแชมป์ได้ พร้อมซูฮกทัพ "กระทิงดุ" เป็นทีมที่ดีกว่า
เบิร์ต ฟาน มาร์ไวค์ กุนซือทีมชาติฮอลแลนด์ ไม่เก็บอาการ ยอมรับสุดผิดหวัง หลังทัพ "อัศวินสีส้ม" แพ้ "กระทิงดุ" สเปน 0-1 ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบชิงชนะเลิศ ที่สนาม ซอคเกอร์ ซิตี้ ในเมืองโยฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม ที่ผ่านมา
ตลอด 90 นาที ทั้งสองฝ่ายมีโอกาสที่จะทำประตู อย่างไรก็ตาม เหลืออีกแค่ 4 นาทีในช่วงต่อเวลาพิเศษ อันเดรส อิเนียสต้า ก็สวมบทฮีโร่ ซัดประตูชัย ส่งผลให้ สเปน ผงาดครองแชมป์เวิลด์ คัพ 2010 ขณะที่ ฮอลแลนด์ ต้องอกหัก ไม่ประสบความสำเร็จในการคว้าชัยชนะ รอบชิงชนะเลิศ ทัวร์นาเมนต์นี้เป็นครั้งที่ 3
ฟาน มาร์ไวค์ ยอมรับ ลูกทีมของเขาทิ้งโอกาสในการทำประตู และเล่นผิดพลาดมากมาย "ผมผิดหวังมาก เราควรจะทำผลงานได้ดีกว่านี้ แต่เราแพ้ในช่วงนาทีที่สำคัญ เราออกอาการประหม่ามากเกินไป เล่นผิดพลาดเยอะแยะ และเราไม่สามารถฉกฉวยโอกาสของเราได้ แต่ทีมที่ดีกว่าย่อมคว้าชัยชนะในที่สุด ผมอยากคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก เห็นได้ชัดว่า เรามีนักเตะหลายคนที่โดนใบเหลือง ผู้ตัดสินเป็นส่วนหนึ่งของเกม ผมได้เห็นใบหน้าของหลายๆ คนเต็มไปด้วยความสุข แต่นี่แหละกีฬา"
นอกจากนี้ อดีตกุนซือ เฟเยนูร์ด ยืนยันว่า เขาตั้งใจให้ทีมเล่นฟุตบอลที่สวยงาม "เรามุ่งมั่นที่จะเล่นในสไตล์ที่สวยงาม เราเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่แข็งแกร่งมาก ผมพูดมาหลายครั้งแล้วว่า สเปน เป็นทีมที่ดีที่สุดในโลกช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมา เรารู้ว่า เราต้องมีวันที่ยอดเยี่ยม เพื่อที่จะเอาชนะพวกเขา"
แมตช์นี้ทั้ง 2 ทีมเล่นกันหนักมาก ส่งผลให้ ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ กรรมการชาวอังกฤษ ต้องควักใบเหลืองมากมาย โดย จอห์นนี่ ไฮติงก้า กองหลังของฮอลแลนด์ โดน 2 ใบเหลือง จากการทำฟาวล์ อิเนียสต้า ช่วงท้ายเกมของการต่อเวลาพิเศษ สำหรับเรื่องนี้ โค้ชเลือดดัตช์ ให้เหตุผลว่า "มันไม่ใช่สไตล์เรา แต่เป็นอีกครั้งที่คุณเล่นเพื่อชนะ มันเป็นเกมรอบชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก และเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย คุณได้เห็นแล้วหลังจบเกม ผมอยากที่จะคว้าชัยชนะในเกมนี้ แม้ว่ามันจะไม่ใช่การเล่นที่สวยงามก็ตาม"
นอกจากนี้ ฟาน มาร์ไวค์ ยังได้ตำหนิ เว็บบ์ ที่ไม่ยอมไล่ การ์เลส ปูโยล ออกในช่วงท้ายเกมของเวลาปกติ จากกรณีที่พยายามทำฟาวล์ อาร์เยน ร็อบเบน ขณะที่หลุดเดี่ยวเข้าไปทำประตู ส่งผลให้นักเตะเสียจังหวะ และ อีเกร์ กาซียาส นายทวารกัปตันทีมทัพ "กระทิงดุ" ก็เข้ามาป้องกันได้อย่างหวุดหวิด
"การแพ้ในเกมนัดชิงฯ ทั้งที่เวลาเหลือแค่ 4 นาที มันย่อมทำให้คุณรู้สึกขมขื่นใจมากๆ แม้ว่าเราเหลือผู้เล่น 10 คน ผมคิดว่า มันก็เป็นไปได้ที่จะมีโอกาสยิงจุดโทษตัดสินกัน ช่วงต้นเราพลาดโอกาสทำประตู เราครองบอลได้ไม่ดีพอ แต่จากนั้นเราก็กลับมาได้อีกครั้ง เรามีโอกาสจะๆ ถึง 2 ครั้งจาก อาร์เยน (ร็อบเบน) ผมไม่ใช่คนที่มองย้อนกลับในสิ่งที่ผู้ตัดสินทำ"
เทรนเนอร์ผมสีดอกเลา กล่าวเสริมว่า "ผมคิดว่า ทีมที่ดีที่สุดควรจะคว้าชัยชนะในเกมนี้ แต่ถ้าคุณมองไปที่โอกาสครั้งที่ 2 ของ ร็อบเบน กรรมการควรจะแจกใบเหลืองที่ 2 ให้กับ ปูโยล ซึ่งนั่นจะหมายความว่า เขาต้องโดนไล่ออก มันเป็นช่วงจังหวะที่สำคัญมากก่อนที่จะหมด 90 นาที มันเป็นเรื่องที่น่าขมขื่นมาก แต่นี่แหละกีฬา และก็อย่างที่ผมเคยพูดเอาไว้ สเปน เป็นทีมที่ดีกว่า"
ปี | ชนะเสิศ | รองชนะเสิศ | อันดับ 3 |
2006 | อิตาลี | ฝรั่งเศส | เยอรมนี |
2002 | บราซิล | เยอรมนี | ตุรกี |
1998 | ฝรั่งเศส | บราซิล | โครเอเชีย |
1994 | บราซิล | อิตาลี | สวีเดน |
1990 | เยอรมนี | อาร์เจนตินา | อิตาลี |
1986 | อาร์เจนตินา | เยอรมนี | ฝรั่งเศส |
1982 | อิตาลี | เยอรมนี | โปแลนด์ |
1978 | อาร์เจนตินา | ฮอล์แลนด์ | บราซิล |
1974 | เยอรมนี | ฮอล์แลนด์ | โปแลนด์ |
1970 | บราซิล | อิตาลี | เยอรมนี |
1966 | อังกฤษ | เยอรมนี | โปรตุเกส |
1962 | บราซิล | เชโกสโลวาเกีย | ชิลี |
1958 | บราซิล | สวีเดน | ฝรั่งเศส |
1954 | เยอรมนี | ฮังการี | ออสเตรีย |
1950 | อุรุกวัย | บราซิล | สวีเดน |
1938 | อิตาลี | ฮังการี | บราซิล |
1934 | อิตาลี | เชโกสโลวาเกีย | เยอรมนี |
1930 | อุรุกวัย | อาร์เจนตินา | อเมริกา |