7M SPORTS เพิ่มเป็นไซต์โปรด 
ดัตช์ปึ๊กรุกครบชิงแชมป์กระทิงฟูลทีม
11/07/2010  ที่มา  siamsport
ขนาด: A A A

"อัศวินสีส้ม" ฮอลแลนด์ จะได้ทีมที่พร้อมสมบูรณ์เมื่อ ไนเจล เด ยองก์ และ เกรกอรี่ ฟาน เดอร์ วีล พ้นโทษแบนกลับมาพร้อมลงสนาม ทำให้สามารส่งชุดใหญ่ลงสนามครบครัน ทางด้าน สเปน ก็พร้อมส่งผู้เล่นชุดใหญ่ลงสนามเช่นกัน ศึกฟุตบอลโลก 2010 นัดชิงชนะเลิศ คืนนี้


ฟุตบอลโลก 2010 นัดชิงชนะเลิศ

วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม 2553

ฮอลแลนด์  -  สเปน

 ช่อง 3 และ ช่อง 7 ถ่ายทอดสด :  เวลา 01.30 น.

 

สนาม : ซอคเก้อร์ ซิตี้, โจฮันเนสเบิร์ก

 

ทีมชาติฮอลแลนด์ อดีตรองแชมป์โลก 2 สมัย มีผลงานชนิดเพอร์เฟ็กต์สมบูรณ์แบบสำหรับฟุตบอลโลกทั้งรอบสุดท้ายและรอบคัดเลือก เมื่อชนะมา 6 เกมรวดตลอดรอบที่ผ่านมา อีกทั้งยังชนะตลอดทุกนัดในเกมรอบคัดเลือก นับรวมเป็น 14 เกมแล้ว และความพ่ายแพ้ในเกมทางการครั้งสุดท้ายคือในยูโร 2008 เมื่อ 2 ปีที่แล้ว  ที่แพ้ รัสเซีย ในช่วงต่อเวลาพิเศษ
 
รอบแรก "ออรันเย่" ชนะ เดนมาร์ก 2-0, ดับ ญี่ปุ่น 1-0 และชนะ แคเมอรูน 2-1 ก่อนจะเขี่ย สโลวาเกีย ตกรอบสอง 2-1, สร้างเซอร์ไพรส์พลิกชนะ บราซิล แชมป์โลก 5 สมัย ในรอบ 8 ทีมสุดท้าย 2-1 และล่าสุดคือสยบ อุรุกวัย 3-2 ในรอบตัดเชือก เข้าชิงชนะเลิศสมัย 3 เพื่อล่าแชมป์สมัยแรก
 
นอกจากที่ดีเยี่ยมแล้ว เบิร์ต ฟาน มาร์ไวค์ เทรนเนอร์ทีมชาติฮอลแลนด์ ยังมีสภาพทีมสมบูรณ์พร้อมพรั่งมากกว่ารอบล่าสุดเสียอีก เมื่อ 2 ดาวเตะกำลังหลัก สามารถพ้นโทษแบนกลับมาเล่นได้พร้อมกันพอดิบพอดี
 
ไนเจล เด ยองก์ กองกลางพันธุ์ดุจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ เกรกอรี่ ฟาน เดอร์ วีล แบ็กขวาฟอร์มร้อนจากอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ติดโทษแบนเกมกับ อุรุกวัย เนื่องจากสะสมใบเหลืองครบ และสามารถกลับมาได้แล้วในเกมนี้ ซึ่งสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) มีการออกกฎใหม่ล้างใบเหลืองให้หลังจบเกมรอบ 8 ทีมสุดท้าย เท่ากับจะไม่มีใครติดโทษแบนในนัดชิงชนะเลิศจากจำนวนการสะสมใบเหลืองอีก นับแต่ทัวร์นาเมนต์นี้เป็นต้นไป
 
เด ยองก์ กับ ฟาน เดอร์ วีล จะกลับมาทวงตำแหน่งตัวจริงทั้งคู่ ส่งผลให้ คาลิด บูลาห์รูช แบ็กขวาขาโหดจากสตุ๊ตการ์ท กับ เดมี่ เดอ ซูว์ กองกลางตัวรับจาก อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ที่ได้เล่นแทนในนัดล่าสุด ต้องล่าถอยไปเป็นสำรอง โดย เดอ ซูว์ โดน มาร์ติน กาเซเรส แบ็กทีมจอมโหด เตะเข้าเต็มกราม และต้องเปลี่ยนออกตอนพักครึ่ง แต่ก็ไม่ได้เจ็บหนักหนาอะไร พร้อมเป็นตัวเลือกในม้านั่งสำรองเกมชิงดำ
 
ฟาน มาร์ไวค์ ไม่มีปัญหานักเตะเจ็บอะไรแม้แต่รายเดียว โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ กองหน้าตัวเก่งจากอาร์เซน่อล กับ โยริส มาไธจ์เซ่น กองหลังจากฮัมบูร์ก ซึ่งได้รับบาดเจ็บข้อศอกและเข่าตามลำดับจนถึงขั้นเข้าโรงพยาบาลเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว พร้อมลงสนามอตั้งแต่เกมกับ อุรุกวัย และจะลงเล่นต่อเนื่องตามปกติ
 
โค้ชเบิร์ต จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงไลน์อัพจากทีมชุดเดิมที่ใช้มาตลอด อาร์เยน ร็อบเบน ปีกตัวเก่งจาก บาเยิร์น มิวนิค  พร้อมเป็นทีเด็ดเช่นกันกับ เวสลี่ย์ สไนเดอร์ ยอดเพลย์เมกเกอร์จากอินเตอร์ มิลาน ที่ยิงแล้ว 5 ประตูพร้อมคว้า แมน ออฟ เดอะ แมตช์ จากฟีฟ่า ไปแล้ว 4 เกม
 
11 ตัวจริงจะเป็นทีมหน้าเดิมทั้งหมด นำโดยนายทวาร มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก ที่ลงตัวจริงมาตลอดทุกนัดทุกนาที และกัปตันทีม  โจวานนี่ ฟาน บรองค์ฮอร์สท์ ที่ยิงประตูสุดสวยในเกมล่าสุด
 
ด้าน บิเซนเต้ เดล บอสเก้ เทรนเนอร์ กระทิงดุ กลายเป็นกุนซือคนแรกที่นำทีมเข้าชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ หลังก่อนหน้านี้เคยทำได้ดีที่สุดเพียงแค่รอบก่อนรองชนะเลิศ 4 ครั้งในปี 1934, 1986, 1994 และ 2002
 
สภาพทีมของ เดล บอสเก้ สมบูรณ์พร้อมทุกตำแหน่ง ขาดเพียง ราอูล อัลบิโอล กองหลังตัวสำรอง แต่ก็ไม่ส่งผลกระทบอะไรอยู่แล้ว โดยอดีตกุนซือเรอัล มาดริด เผยไม่มีความจำเป็นต้องปรับทัพจากนัดก่อนที่เฉือนชนะ เยอรมัน 1-0 นั่นก็หมายความว่า เฟร์นานโด ตอร์เรส จะนั่งสำรองเหมือนเดิม พร้อมกับส่ง เปโดร โรดริเกซ ไอ้หนูดาวรุ่ง ลงตัวจริงแนวรุก
 
เท่ากับว่า 11 นักเตะคนแรก จะมีผู้เล่นบาร์เซโลน่าอยู่ในสนามมากถึง 7 คน ประกอบไปด้วย การ์เลส ปูโญล, เกราร์ด ปิเก้, ชาบี เอร์นานเดซ, อันเดรส อิเนียสต้า, เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, ดาบิด บีย่า กองหน้าตัวใหม่ และ เปโดร โรดริเกซ
 
จากการส่ง เปโดร ลงสนามเป็นตัวจริง ก็น่าจะเป็นโอกาสที่ดีขึ้นสำหรับ บีย่า ในการลุ้นทำประตูเพิ่มในทัวร์นาเมนต์นี้ เพราะดาวยิงหมายเลข 7 จะหุบเข้าไปยืนกองหน้าตัวเป้า ไม่เหมือนกับตอนมี ตอร์เรส อยู่ในสนาม ที่อดีตดาวยิงบาเลนเซียต้องโยกไปยืนริมเส้นฝั่งซ้าย
 
ระบบการเล่น 4-2-3-1 อิเกร์ กาซิยาส ลงเฝ้าเสา แนวรับใช้ เซร์คิโอ รามอส, เกราร์ด ปิเก้, การ์เลส ปูโญล, โจน กัปเดบิล่า แดนกลางมี เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ เป็นตัวรับคู่ ชาบี อลอนโซ่ ขยับขึ้นหน้ามี เปโดร โรดริเกซ, ชาบี เอร์นานเดซ, อันเดรส อิเนียสต้า หน้าเป้าใช้ ดาบิด บีย่า
 
รายชื่อผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม

ฮอลแลนด์ (4-2-3-1) : มาร์เทน สเตเคเลนเบิร์ก - โจวานนี่ ฟาน บรองค์ฮอร์สท์, จอห์น ไฮติงก้า, โยริส มาไธจ์เซ่น, เกรกอรี่ ฟาน เดอร์ วีล - มาร์ค ฟาน บอมเมล, ไนเจล เด ยองก์ - อาร์เยน ร็อบเบน, เวสลี่ย์ สไนเดอร์, เดิร์ค เค้าท์ - โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
 
สเปน (4-2-3-1) : อิเกร์ กาซิยาส - เซร์คิโอ รามอส, เกราร์ด ปิเก้, การ์เลส ปูโญล, โจน กัปเดบิล่า - เซร์คิโอ บุสเก็ตส์, ชาบี อลอนโซ่ - เปโดร โรดริเกซ, ชาบี เอร์นานเดซ, อันเดรส อิเนียสต้า - ดาบิด บีย่า
 
ผู้ตัดสิน : ฮาวเวิร์ด เว็บบ์ (อังกฤษ)


กังหันข่มไม่แพ้กระทิง4นัดหลัง

 

ในส่วนของสถิติการพบกันของ ฮอลแลนด์ กับ สเปน คู่ชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2010 นั้น เคยเจอกันมา 9 ครั้ง และ "ออรันเย่" เหนือกว่า เมื่อไม่แพ้ใน 4 เกมหลังสุด
 
ฮอลแลนด์ พบกับ สเปน มา 9 ครั้งในทุกรายการ ฮอลแลนด์ ชนะ 4 สเปน ชนะ 4 และเสมอกันอีก 1
 
ทั้งสองทีมพบกันครั้งแรกเมื่อปี 1920 ในโอลิมปิก เกมส์ ที่อันท์เวิร์ป คราวนั้น สเปน ชนะ 2-1 ต่อมา สเปน ยังชนะ 5-1 ในเกมอุ่นเครื่องที่มาดริด ปี 1957
 
ฮอลแลนด์ ชนะได้บ้างในการพบกันครั้งที่ 3 เกมอุ่นเครื่องที่อัมสเตอร์ดัม เมื่อชนะ 3-2 ปี 1973 แต่ สเปน ก็ชนะคืนในเกมลับแข้งนัดถัดมาปี 1980 ด้วยสกอร์ 1-0 ต่อเนื่องด้วยการชนะ 1-0 ในรอบคัดเลือกยูโร 1984 ที่เซบีย่า ด้วยสกอร์ 1-0 เช่นเดิม
 
ทว่าอีก 4 ครั้งต่อมาที่พบกัน ฮอลแลนด์ ไม่แพ้เลย เริ่มจากเกมรอบคัดเลือกยูโร 1984 ที่ร็อตเตอร์ดัม ทีมกังหันบด 2-1 ตอนปลายปี 1983, อุ่นเครื่องเสมอ 1-1 ที่บาร์เซโลน่า ปี 1987, ฮอลแลนด์ ชนะ 2-1 เกมอุ่นเครื่องที่เซบีย่า ปี 2000 และครั้งล่าสุด ฮอลแลนด์ ชนะ 1-0 ที่ร็อตเตอร์ดัม เกมอุ่นเครื่องปี 2002
 
ครั้งล่าสุด ฮอลแลนด์ ชนะ สเปน 1-0 วันที่ 27 มี.ค. 2002 จากการทำประตูของ แฟร้งค์ เดอ บัวร์ กองหลังคนดังทีมกังหัน ที่เดอ ไคป์ สเตเดี้ยม โดย มาร์ค ฟาน บอมเมล กับ อังเดร ออยเยอร์ อยู่ในทีมชุดนั้นด้วย ส่วน สเปน มี การ์เลส ปูโยล กับ อิเคร์ กาซิยาส ที่เหลืออยู่จนถึงทีมชุดปัจจุบัน


ฟาร์ทมั่นใจฮอลแลนด์คู่ควรแชมป์โลก

 

ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท กองกลางทีมชาติฮอลแลนด์ ของ เรอัล มาดริด กล่าวอย่างมั่นใจก่อนมีคิวทำศึกใหญ่สุดในชีวิต นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลก 2010 ที่จะพบกับ สเปน วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม ชี้เป็นรางวัลตอบแทนที่คู่ควรต่อพวกเขาแล้ว จากผลงานยอดเยี่ยมช่วงที่ผ่านมา ซึ่งตอนนี้พวกเขาชนะมา 25 นัดรวดแล้ว
 
ฮอลแลนด์ เข้าชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก เป็นสมัยที่ 3 หลังจากที่เคยได้รองแชมป์ปี 1974 และ 1978 โดย ฟาน เดอร์ ฟาร์ท กล่าวในเว็บไซต์ "ราชันชุดขาว" ว่า "ทีมเราชนะมา 25 นัดติด และคู่ควรต่อการได้เข้ารอบชิงฯ แล้ว ทีมเราตอนนี้มีความแข็งแกร่งกว่า 4 ปีก่อนที่ เยอรมัน เราพยายามเล่นให้ดี แต่มันเป็นไปไม่ได้เสมอไป เพราะบางทีคู่แข่งก็ไม่ยอมให้เราเล่นได้แบบนั้น"
 
"เราไม่ใช่ทีมที่เน้นเกมรับ และเราไม่เคยเปลี่ยนสไตล์การเล่นด้วย เราเล่นดีมาตลอด เรามีตำนานจากทีมชุดปี 74 และ 78 ที่ส่งอิทธิพลต่อเราอย่างสูง แต่ทีมเราชุดนี้กำลังจะสร้างประวัติศาสตร์ของเราเอง เราอยากเป็นแชมป์โลก เรามีความมั่นใจตั้งแต่วันแรก และเราไม่เคยคิดแบบอื่นเลยจริงๆ"
 
"ตอนนี้เหลือเกมแค่นัดเดียวแล้ว เราไม่เคยกังขาศักยภาพตัวเองเลยนับตั้งแต่มาถึงที่นี่เมื่อ 6 อาทิตย์ที่แล้ว เรารู้ว่าเรามีโอกาส เรามีนักเตะหลายคนที่เล่นอยู่ในทีมที่ดีที่สุดในยุโรป"  อดีตดาวเตะอาแจ๊กซ์ อัมสเตอร์ดัม กล่าว


ตอร์เรสอ้อนบอสเก้ขอลงตัวจริง

 

เฟร์นานโด ตอร์เรส หัวหอกตัวเก่งทีมชาติสเปน ออกมาร้องขอ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ เทรนเนอร์ของทีม ให้ส่งเขาลงเป็นตัวจริงในเกมนัดชิงชนะเลิศศึกเวิลด์ คัพที่จะพบกับ ฮอลแลนด์ จากรายงานของ เดลี มิร์เรอร์ หนังสือพิมพ์ชื่อดังเมืองผู้ดี เมื่อ 10 ก.ค.
 
กองหน้าตัวหลักของ ลิเวอร์พูล ที่เคยเป็นฮีโร่ทำประตูชัยให้ทีม "กระทิงดุ" คว้าแชมป์ ยูโร ได้เมื่อ 2 ปีที่แล้ว กลัวว่าจะพลาดการลงเล่นเกมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิต หลังจากที่เขาถูกตัดออกจากตัวจริงในเกมรอบรองชนะเลิศที่ผ่านมา ซึ่ง เดล บอสเก้ ตั้งใจจะใช้ทีมชุดเดิมลงเล่นกับทีม "กังหันสีส้ม" ในนัดชิงฯ วันพรุ่งนี้
 
แหล่งข่าวจากสเปนเผยว่า "เฟร์นานโดไปพบกับเดล บอสเก้เพราะกลัวว่าจะพลาดลงเล่น เขาบอกกับเดล บอสเก้ว่าเขาหมดหวังและกลัวว่าโค้ชจะไม่ให้เขาลงสนาม"
 
"แน่นอนเฟร์นานโดนั้นยอมรับการตัดสินใจของเดล บอสเก้ แต่เขาต้องการที่จะลงเล่นในเกมนัดชิงฯ ซึ่งเขากลัวว่าโค้ชจะไม่ส่งเขาลงสนาม"
 
ทั้งนี้ ตอร์เรส ได้รับบาดเจ็บและต้องเข้ารับการผ่าตัดมาตั้งแต่ช่วงท้ายฤดูกาลที่ผ่านมา ส่งผลให้ยังไม่สามารถเรียกความฟิตกลับมาได้เต็มที่ อีกทั้งยังไม่สามารถทำประตูในทัวนาเมนต์นี้ได้เลย


เดลบอสเก้รับไม่ประมาทขุนพลดัตช์

 

บิเซนเต้ เดล บอสเก้ เทรนเนอร์ทีมชาติสเปน ยืนยันว่า เขาจะไม่ประมาท ฮอลแลนด์ เป็นอันขาด ก่อนที่ทั้งสองทีมจะระเบิดศึกนัดชิงชนะเลิศ ฟุตบอลโลก 2010 วันอาทิตย์ที่ 11 ก.ค.นี้
 
ทัพ "กระทิงดุ" หวังจะคว้าแชมป์เวิลด์ คัพ ครั้งแรกของพวกเขา แต่เดล บอสเก้ รู้ดีว่าไม่ใช่งานง่ายๆ เมื่อทัพ "อัศวินสีส้ม" ชนะรวดมาตั้งแต่รอบคัดเลือก โซนยุโรป จนกระทั่งในรอบสุดท้าย ที่แอฟริกาใต้ รวมทั้งหมด 14 นัด "พวกเขาคล้ายกับเรามาก ผู้เล่นในแดนกลางมีเทคนิคที่ยอดเยี่ยมมาก เป็นผู้เล่นคุณภาพสูงและรวดเร็ว ซึ่งไม่ปั้นแต่งบอลมากเหมือนที่เราทำ แต่เล่นเกมได้อันตรายกว่า ถือเป็นทีมที่อันตรายมากทีมหนึ่ง"
 
เมื่อถูกถามว่า การคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมีความหมายอย่างไร อดีตเทรนเนอร์เรอัล มาดริด ตอบว่า "มันจะหมายความว่าเราได้บรรลุเป้าหมายในสิ่งที่เราถูกร้องขอให้ทำ เป็นความพึงพอใจ ไม่มีอะไรมากกว่านั้น"
 
เดล บอสเก้ ไม่รู้ว่าเขาจะแสดงความดีใจอย่างไรเมื่อทีมทำประตูได้ และไม่คิดว่าจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตัวเองในนัดชิงชนะเลิศ "ผมไม่รู้ว่าปฏิกิริยาของผมจะเป็นอย่างไร สิ่งพวกนี้เป็นการตอบสนองตามธรรมชาติ ไม่ใช่สิ่งที่เตรียมล่วงหน้าได้ ผมได้รับความพอใจอย่างเต็มที่ทุกครั้งที่เราทำประตูได้ และผมจะไม่แสดงอารมณ์ออกมามากนัก"

เมือง&สนามบอล
ตารางคะแนน
  • A
  • B
  • C
  • D
  • E
  • F
  • G
  • H
    หากไม่มีการระบุเวลาการแข่งขันใด ให้ยึดเวลาของ GMT+0800 เป็นหลักเท่านั้น
    เวบไซด์นี้สงวนลิขสิทธิ์โดย www.7mth.com Copyright © 2003 -