"อัศวินสีส้ม" ฮอลแลนด์ ทะลุเข้าไปชิงดำได้สำเร็จเป็นครั้งที่ 3 ในประวัติศาสตร์ หลังเฉือนหวิว "จอมโหด" อุรุกวัย ไปแบบสุดมัน 3-2 ผ่านเข้าไปรอพบผู้ชนะระหว่าง เยอรมัน กับ สเปน ในวันที่ 11 ก.ค.นี้

                                                                           ฟุตบอลโลก 2010 รอบรองชนะเลิศ
 
                                                                           (เมื่อวันอังคารที่ 6 กรกฎาคม 2553)
 
                                                                                   อุรุกวัย 2 - ฮอลแลนด์ 3
 
                                                                        สนาม : กรีน พอยต์ สเตเดี้ยม (เคป ทาวน์)
 
ทีมชาติอุรุกวัย หนึ่งเดียวจากทวีปอเมริกาใต้ที่ผ่านมาถึงนัดตัดเชือก และมีดีกรีแชมป์ฟุตบอลโลก 2 สมัยปี 1930, 1950 ลงสนามพบ ฮอลแลนด์ ยักษ์ใหญ่จากยุโรปที่ยังไม่เคยได้แชมป์เวิลด์ คัพ ในศึกฟุตบอลโลก 2010 รอบรองชนะเลิศ ที่กรีน พอยต์ สเตเดี้ยม เมืองเคป ทาวน์ ซึ่งผู้ชนะระหว่างคู่นี้จะผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศในคืนวันอาทิตย์ 11 กรกฎาคมที่ซอคเกอร์ ซิตี้ กรุงโจฮันเนสเบิร์ก ส่วนผู้แพ้ไปชิงอันดับ 3 คืนวันเสาร์ที่ 10 กรกฎาคมที่พอร์ท เอลิซาเบ็ธ สเตเดี้ยม ในเมืองเนลสัน แมนเดล่า เบย์/พอร์ท เอลิซาเบ็ธ
 
ออสการ์ ตาบาเรซ โค้ชอุรุกวัยมอบหมายให้ ดีเอโก้ ฟอร์ลัน เป็นกัปตันทีม เนื่องจาก ดีเอโก้ ลูกาโน่ เซนเตอร์ฮาล์ฟบาดเจ็บเอ็นหัวเข่าขวา มีชื่อเป็นตัวสำรองเท่านั้น ส่วนหลุยส์ ซัวเรซ ดาวซัลโวและ ฮอร์เค่ ฟูซิเล่ แบ็กซ้ายต่างติดโทษแบนคนละ 1 นัด ทำให้เขาส่ง เอดินสัน กาวานี่ กับ ฟอร์ลัน ยืนกองหน้าคู่กัน และมาร์ติน คาเซเรส เล่นแบ็กซ้ายในระบบการเล่น 4-4-2  ส่วนเบิร์ต ฟาน มาร์ไวค์ กุนซือฮอลแลนด์ขาด ไนเจล เด ยองก์ และ เกรกอรี่ ฟาน เดอร์ วีล ติดโทษแบนคนละ 1 นัด โดยเป็น คาลิด บูลาห์รูซ ทำหน้าที่แบ็กขวาแทนเดอร์ วีล ขณะที่ เดมี่ เดอ ซูว์ เล่นกองกลางแทน เด ยองก์ พร้อมกับที่ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ กองหน้าอาร์เซน่อลและ โยริส มาไธจ์เซ่น เซนเตอร์ฮาล์ฟหายเจ็บข้อศอก, หัวเข่าตามลำดับ ลงเล่นได้
 
เกมครึ่งแรก ผ่านไปเพียง 4 นาที นักเตะดัตช์ลุยใส่ทันที อาร์เยน ร็อบเบน เลี้ยงบอลมาทางริมเส้นฝั่งขวา ก่อนโยนไปติด เฟร์นานโด มุสเลร่า นายทวารชกบอลไม่พ้นอันตราย มาเข้าทาง เดิร์ค เค้าท์ วอลเล่ย์ 15 หลาข้ามคาน
 
สองนาทีต่อมา อัลวาโร่ เปเรยร่า มิดฟิลด์อุรุกวัยยิงไกล 50 หลา บอลเหินข้ามคาน และนาที 13 สไนจ์เดอร์ ได้ซัลโวระยะ 25 หลาไปติดกองหลังอุรุกวัยสกัดออกไปได้
 
และแล้วนาที 18 ฮอลแลนด์ได้ประตูนำ 1-0 โจวานนี่ ฟาน บรองค์ฮอร์สท์ แบ็กซ้ายกัปตันทีมวัย 35 ปีแผลงฤทธิ์ยิงเท้าซ้ายระยะไกล 30 หลา บอลพุ่งชนเสา ก่อนเข้าประตูไปอย่างสวยงาม  โดย เฟร์นานโด มุสเลร่า พุ่งไปเซฟแล้ว แต่ปัดไม่ถึงบอล
 
มักซี่ เปเรยร่า แบ็กขวาอุรุกวัยโดนใบเหลืองเป็นคนแรกในเกมนี้นาที 21 หลังจากทำฟาวล์ อาร์เยน ร็อบเบน และแปดนาทีต่อมา มาร์ติน คาเซเรส แบ็กซ้ายอุรุกวัยโดนใบเหลือง หลังจากไปเตะเข้าที่หน้าของ เดมี่ เดอ ซูว์ ซึ่งเวสลี่ย์ สไนจ์เดอร์ เข้าไปต่อว่า คาเซเรส ที่ทำฟาวล์รุนแรง จนกรรมการ ราฟชาน เอียร์มาตอฟ จากอุซเบกิสถานแจกใบเหลืองให้ สไนจ์เดอร์
  
จากนั้น อุรุกวัยมีโอกาสที่จะยิงประตูบ้าง เมื่อ อัลวาโร่ เปเรยร่ายิงไปเข้าซอง มาร์เตน สเตเคเลนเบิร์ก เซฟไว้ได้นาที 36 และสองนาทีถัดมา อัลวาโร่ เปเรยร่า โยนบอลจากริมเส้นกราบซ้ายมาเข้าหัว ดีเอโก้ ฟอร์ลันขึ้นโหม่งได้ก่อน จอห์น ไฮติงก้า ทว่าบอลเหินข้ามคานออกไป
 
อย่างไรก็ตาม อุรุกวัยตามตีเสมอได้สำเร็จเป็น 1-1 นาที 41 ดีเอโก้ ฟอร์ลัน กัปตันทีมซัลโวเท้าซ้ายระยะไกล 30 หลา บอลไปแฉลบโดนศีรษะของ จอห์น ไฮติงก้า เซนเตอร์ฮาล์ฟ และ มาร์เตน สเตเคเลนเบิร์ก ผู้รักษาประตูปัดโดน ทว่าด้วยความแรงของบอล ทำให้เขาไม่สามารถป้องกันประตูนี้ได้ บอลพุ่งตุงตาข่าย นับเป็นประตูที่ 4 ของเขาในทัวร์นาเม้นต์นี้ ตามหลัง ดาบิด บีย่า ศูนย์หน้าสเปนที่นำดาวซัลโวฟุตบอลโลก 2010 ที่จำนวน 5 ประตู
 
และนาที 44 ฟอร์ลัน ได้ยิงฟรีคิก บอลไปเข้าซอง มาร์เตน สเตเคเลนเบิร์ก  จบครึ่งแรกทั้งสองทีมเสมอกัน 1-1
 
กลับมาเล่นต่อครึ่งหลังเกือบเป็น อุรุกวัย ที่แซงนำจากจังหวะบอลยาวแดนหลังเลยมาถึง ฟอร์ลัน ที่หลุดเดี่ยว แต่เป็น สเตเคเลนเบิร์ก วิ่งออกนอกเขตโทษมาบล็อกบอลยังกระดอนมาเข้าทาง เอดิสัน คาวานี่ ยิงทันที แต่ ฟาน บรองค์ฮอร์สท์ ถอยมาคุมเส้นโขกทิ้งออกหวุดหวิด
 
เข้าสู่นาที 67 โอกาสเสียวยังเป็นของ "จอมโหด" อีกครั้งเมื่อมาได้ฟรีคิกระยะอันตรายหน้าเขตโทษเยื้องมาทางด้านซ้าย ฟอร์ลัน รับอาสาสังหารเองอีกครั้งบอลพุ่งโค้งข้ามกำแพงเลี้ยวหาเสาแรกกำลังจะมุดโคนเสาแต่ มุสเลร่า พุ่งทุบออกมาหวุดหวิดที่สุด
 
แต่ 3 นาทีหลังจากนั้น "อัศวินสีส้ม" ขึ้นนำอีกครั้งจากบอลเดินเกมขึ้นมาจนกระทั่งถึงกรอบเขตโทษสุดท้ายบอลมาเข้าเท้า สไนเดอร์ โยกเข้าขวาแล้วซัดเรียดบอลแฉลบกองหลังอุรุกวัยพุ่งเอื่อยๆ เรียดผ่านมือ มุสเลร่า เข้าไปที่เสาสองเป็น 2-1 แบบเฮงนิดๆ และเป็นประตูที่ 5 ของ สไนเดอร์ ขึ้นนำดาวซัลโวร่วมกับ ดาบิด บีย่า
 
ฮอลแลนด์ ได้ใจแล้วเข้าสู่นาที 73 สกอร์ห่างเป็น 3-1 จากจังหวะที่พวกเขาขึงเกมได้สวยก่อนถ่ายบอลมาซ้ายสุดที่ เค้าท์ โยกเข้าขวาแล้วโยนมากลางประตูบอลลอยเข้าหัว ร็อบเบน โขกย้อนมาที่เสาแรกชนโคนเสาเด้งเข้าประตูส่ง "อัศวินสีส้ม" นำห่าง
 
อุรุกวัย ไม่ท้อและยิงไล่มาเป็น 2-3 ในนาทีสุดท้าย เมื่อ มักซี่ เปเรยร่า ดันสูงขึ้นมากดด้วยซ้าย ทบอลพุ่งผ่านมือ มาร์เตน สเตเคเลนเบิร์ก เสียบตาข่ายอย่างสวยงาม
 
ช่วงทดเจ็บทีมจอมโหด บุกกดดัน อย่างหนัก แต่สุดท้ายไล่ไม่ทัน พ่ายไปแบบสนุกเร้าใจ 2-3 ส่งผลให้ ฮอลแลนด์ ทะยานเข้าชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่ปี 1974 และปี 1978
 
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
 
อุรุกวัย : เฟร์นานโด มุสเลร่า, มักซี่ เปเรยร่า, ดีเอโก้ โกดิน, เมาริซิโอ วิคตอริโน่, มาร์ติน กาเซเรส, ดีเอโก้ เปเรซ, เอคิดิโอ อเรวาโล่ ริออส, อัลวาโร่ เปเรยร่า (เซบาสเตียน อาบรู น.78) , วอลเตอร์ การ์กาโน่, ดีเอโก้ ฟอร์ลัน (เซบาสเตียน เฟร์นานเดซ น.83) , เอดิสัน คาวานี่
 
สำรองไม่ได้ใช้ : ฮวน กาสตีโย่ (ผู้รักษาประตู), มาร์ติน ซิลวา (ผู้รักษาประตู), ดีเอโก้ ลูกาโน่, อันเดรส สกอตติ, เซบาสเตียน เอกูเรน, นิโกลัส โลเดยโร่, อิ๊กนาซิโอ กอนซาเลซ, อัลวาโร่ เฟร์นานเดซ
 
ใบเหลือง :  มาร์ติน กาเซเรส, มักซี่ เปเรยร่า
 
ฮอลแลนด์ : มาร์เตน สเตเคเลนเบิร์ก, คาลิด บูลาห์รูซ, จอห์นนี่ ไฮติงก้า, โยริส มาไธจ์เซ่น, โจวานนี่ ฟาน บรองค์ฮอร์สท์, มาร์ค ฟาน บอมเมล, เดมี่ เดอ ซูว์ (ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท น.46) , เดิร์ค เค้าท์, เวสลี่ย์ สไนเดอร์, อาร์เยน ร็อบเบน, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่
สำรองไม่ได้ใช้ : มิเชล ฟอร์ม, ซานเดอร์ บอชเคอร์, อังเดร ออยเยอร์, เอ็ดสัน บราฟไฮด์, สไตจ์ ชาร์ส, ไรอัน บาเบิล, อิบราฮิม อเฟลลาย, คลาส แยน ฮุนเตลาร์, เอลเยโร่ เอเลีย
ใบเหลือง : คาลิด บูลาห์รูซ, เวสลี่ย์ สไนเดอร์
 
ผู้ตัดสิน : ราฟชาน อีร์มาตอฟ (อุซเบกิสถาน)