อินทรีเหล็ก" เยอรมนี ทะลุเข้ารอบรองชนะเลิศในศึกฟุตบอลโลกได้สำเร็จ หลังถล่ม "ฟ้า-ขาว" อาร์เจนติน่า 4-0 โดย มิโรสลาฟ โคลเซ่ เหมาคนเดียว 2 ประตู เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา

ฟุตบอลโลกก่อนรองชนะเลิศ วันที่ 3 ก.ค. 2010

อาร์เจนติน่า - เยอรมนี
ผู้ทำประตู : 0-1 โธมัส มุลเลอร์ น.3, 0-2 มิโรสลาฟ โคลเซ่ น.68, 0-3 อาร์เน่ ฟรีดริช น.74, 0-4 มิโรสลาฟ โคลเซ่ น.89
สนาม : กรีน พอยต์ สเตเดี้ยม, เคป ทาวน์

ดีเอโก้ มาราโดน่า กุนซืออาร์เจนติน่า ผู้เล่นชุดเดิมในรอบก่อนรองชนะเลิศ โดยที่ ลีโอเนล เมสซี่ ซูเปอร์สตาร์ของ "ฟ้า-ขาว" หายป่วยกลับมาลงเป็น 3 ประสานในแนวรุกร่วมกับ กอนซาโล่ อิกัวอิน และ คาร์ลอส เตเวซ

ขณะที่ โยอาคิม เลิฟ โค้ช "อินทรีเหล็ก" ก็ใช้นักเตะชุดที่ถล่มอังกฤษ 4-1 เหมือนเดิม โดย มิโรสลาฟ โคลเซ่ ได้ลงเล่นนัดที่ 100 ให้ทีมชาติ ส่วน เมซุต โอซิล และ ลูคัส โพดอลสกี้ ที่ไม่ได้ลงซ้อมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ก็ได้ลงเป็นตัวจริงเช่นกัน

เริ่มเกมได้แค่ 3 นาที เยอรมนี ก็ขึ้นนำ 1-0 อย่างรวดเร็วจากจังหวะที่ บาสเตียน ชไวน์สไตน์เกอร์ เปิดฟรีคิกจากฝั่งซ้ายเข้าไปให้ โธมัส มุลเลอร์ สลัดหนีตัวประกบก่อนจะขวิดจ่อๆ เข้าประตู

เกมเปิดแลกกันอย่างสนุก นาทีที่ 22 ฟ้า-ขาว มีลุ้นตีเสมอเมื่อ เมสซี่ เปิดบอลให้ เตเวซ แต่ มานูเอล นอยเออร์ ยังสปีดออกมาคว้าบอลไว้ได้ทัน

อีก 2 นาทีต่อมา มุลเลอร์ จ่ายบอลให้ โคลเซ่ ได้ยิงโล่งๆ จากระยะ 12 หลา แต่บอลข้ามคานออกไปอย่างน่าผิดหวัง

หลังผ่านครึ่งชั่วโมงเกมของอาร์เจนติน่า เริ่มดีขึ้นและมีโอกาสลุ้นประตูตีเสมอในนาทีที่ 35 อิกัวอิน พาบอลล็อกหลบอาร์เน่ ฟรีดริช ได้สวยก่อนจะเลือกยิงเสาแรก แต่ นอยเออร์ ยังพุ่งตัวรับไว้ได้ทัน

นาทีต่อมาผู้ตัดสินให้ใบเหลืองกับ มุลเลอร์ ที่ทำแฮนด์บอลแบบไม่ตั้งใจ และนั่นทำให้ดาวรุ่งจากบาเยิร์น มิวนิค จะหมดสิทธิลงสนามในรอบรองชนะเลิศ หาก "อินทรีเหล็ก" คว้าชัยในเกมนี้

นาทีที่ 39 โพลดี้ ได้โอกาสลองยิงจากระยะ 25 หลาแต่บอลหลุดกรอบไปนิดเดียว โดยอีก 2 นาทีต่อมาเป็นจังหวะลุ้นของ "ฟ้า-ขาว" บ้าง แต่ นอยเออร์ ยังชกลูกโยนของฮาเวียร์ มาสเคราโน่ ออกไปได้ทันเวลา ก่อนจะจบครึ่งแรกด้วยการขึ้นนำ 1-0 ของเยอรมนี

ครึ่งหลัง ทั้งสองทีมยังใช้ผู้เล่นชุดเดิม และเป็นอาร์เจนติน่า ที่เกือบตีเสมอได้ตั้งแต่นาทีที่ 46 เมื่อ ไฮน์เซ่ เปิดบอลให้ มักวี่ โรดริเกซ ยิงไปติดบล็อก จากนั้น อังเคล ดิ มาเรีย ก็ได้ยิงหลุดกรอบไปไม่กี่คืบ

นาทีที่ 54 เตเวซ ได้ซัดเต็มๆ ในกรอบเขตโทษ แต่บอลไปโดนหน้าเพอร์ แมร์เตซัคเกอร์ ทำให้บอลแฉลบออกหลังไป โดยเกมในครึ่งหลังเป็น "ฟ้า-ขาว" ที่เป็นฝ่ายโหมบุกหนัก

นาทีที่ 63 เตเวซ ได้โอกาสยิงไกลอีกครั้งแต่บอลไปเข้าซองของ นอยเออร์ ก่อนที่นายทวารอินทรีเหล็ก จะต้องออกแรงเซฟลูกยิงจ่อๆ ของ อิกัวอิน ในอีกไม่กี่วินาทีต่อมา

ทว่า นาทีที่ 68 กลายเป็น เยอรมนี ที่มาได้ประตูหนีห่างเป็น 2-0 จากจังหวะที่ มุลเลอร์ จ่ายบอลให้ โพลดี้ ที่เปิดเข้ากลางต่อให้ โคลเซ่ จิ้มบอลจ่อๆ เข้าไปไม่เหลือ และเป็นประตูที่ 13 ในศึกฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายของกองหน้าจอมเก๋าด้วย

จากนั้น มาราโดน่า ต้องแก้เกมด้วยการถอดเอา โอตาเมนดี้ ออกและส่ง ฮาเวียร์ ปาสตอเร่ ลงมาแทน ขณะที่ เยอรมนี ส่ง มาร์เซลล์ แยนเซ่น มาแทน เจอโรม บัวเต็ง

นาทีที่ 74 อินทรีเหล็ก ก็บวกสกอร์เป็น 3-0 เมื่อ ชไวนี่ พาบอลทะลุไปถึงเส้นหลังก่อนจะหักเข้ากลางมาให้ อาร์เน่ ฟรีดริช ยิงผ่านมือ โรเมโร่ เข้าไป

นาทีที่ 81 เยอรมนี เกือบจะได้ประตูที่ 4 จากลูกยิงไกลของ โทนี่ โครส มิดฟิลด์ตัวสำรอง ที่เพิ่งเปลี่ยนลงมาไม่กี่นาที แต่นายทวารอาร์เจนไตน์ยังป้องกันเอาไว้ได้

ก่อนหมดเวลาเพียงนาทีเดียว เยอรมนี ก็มาได้ประตูปิดกล่องจากจังหวะที่ โอซิล เปิดบอลให้ โคลเซ่ แปเข้าไปตุงตาข่าย จบเกม เยอรมนี ถล่ม อาร์เจนติน่า 4-0 ก่อนจะเข้าไปรอพบผู้ชนะระหว่าง สเปน กับ ปารากวัย ในรอบรองชนะเลิศ

รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม

อาร์เจนติน่า : เซร์จิโอ โรเมโร่, มาร์ติน เดมิเคลิส, นิโคลัส บูร์ดิสโซ่, กาเบรียล ไฮน์เซ่, นิโคลัส โอตาเมนดี้, มักซี่ โรดริเกซ, ฮาเวียร์ มาสเคราโน่, อังเคล ดิ มาเรีย, กอนซาโล่ อิกัวอิน, ลีโอเนล เมสซี่, คาร์ลอส เตเวซ

เยอรมนี : มานูเอล นอยเออร์, ฟิลิปป์ ลาห์ม, เพอร์ แมร์เตซัคเกอร์, อาร์เน่ ฟรีดริช, เจอโรม บัวเต็ง, บาสเตียน ชไวน์สไตน์เกอร์, ซามี่ เคห์ดีร่า, โธมัส มุลเลอร์, เมซุต โอซิล, ลูคัส โพดอลสกี้, มิโรสลาฟ โคลเซ่

ผู้ตัดสิน : ราฟชาน เออร์มาตอฟ (อุซเบกิสถาน)