อิตาลี 1-1 นิวซีแลนด์
"อัซซูรี่" อิตาลี ไล่ตีเสมอ ทัพ "กีวี" นิวซีแลนด์ 1-1 จากลูกโทษ ของ ยาควินต้า หลังจากโดนลูกคมไปก่อนตั้งแต่ไก่โห่ จาก การพลาดง่ายๆของ คันนาวาโร่ ในนาทีที่ 7 ศึกฟุตบอลโลก 2010 กลุ่มเอฟ
การแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2010 รอบสุดท้าย คู่ที่สอง ของวันอาทิตย์ที่ 20 มิถุนายน ทำการแข่งขันในเวลา 21.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) เป็นการแข่งขันในกลุ่มเอฟ ซึ่งเป็นการประเดิมนัดที่สองของทั้งสองทีม ในรอบแรก ระหว่างทีมชาติ "อัซซูรี่" อิตาลี กับ "ออลไวท์" นิวซีแลนด์ โดยทำการแข่งขันกันที่สนาม เอ็มเบล่า สเตเดี้ยม เมืองเนลสปริท ประเทศแอฟริกาใต้
"อัซซูรี่" อิตาลี แชมป์เก่า เมื่อปี 2006 ลงสนามในนัดแรก ทำผลงานได้เพียงเสมอ ปารากวัย ทีมแกร่งจากโซน อเมริกาใต้ มา 1-1มีอยู่แต้มเดียว ส่วน "ออลไวท์" นิวซีแลนด์ ตัวแทนจากโซน โอเชียเนีย นัดแรกตีเสมอ สโลวาเกีย มาได้ 1-1 ในนาทีสุดท้ายอย่างน่าเหลือเชื่อ
"อัซซูรี่" อิตาลี วันนี้ มาร์เซลโล่ ลิปปี้ จัดตัวผู้เล่นลงมาในระบบ ระบบ 4-4-2 โดย ผู้รักษาประตู ตัวสำรอง อย่าง เฟเดริโก้ มาร์เค็ตติ ได้รับโอกาสลงสนามแทนที่ บุฟฟ่อน ที่ได้รับอาการบาดเจ็บ ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ตัวหลักยังได้ลงสนามครบครัน โดยตัวความหวังในแดนหน้า เป็น อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ ที่ได้จับคู่กับ วินเชนโซ่ ยาควินต้า ส่วนใบเหลืองติดตัวในนัดนี้ สำหรับ "อัซซูรี่" ไม่มีสักคนเดียว
ส่วน ริคกี้ เฮอร์เบิร์ต กุนซือ "กีวี" จัดตัวผู้เล่นลงมาในระบบ 4-5-1 อัดกองกลางแน่นหนาห้าคน โดยมี ตัวความหวังสำคัญในการหยุดเกมรุก อิตาลี คือ ไรอัน เนลเซ่น ที่ยังคงได้รับโอกาสลงสนามในฐานะ "กัปตันทีม" ในขณะที่ใบเหลืองติดตัวในนัดนี้ ของ ทัพ "กีวี" มีสองคน คือ โทนี่ ล็อคเฮด และ วินส์ตัน รีด
เริ่มเกมขึ้นมาในช่วงแรก อิตาลี บุกแหลก อย่างต่อเนื่อง แต่ไม่สามารถเข้าทำเกมรุกไปถึงพื้นที่สุดท้ายของ "กีวี" นิวซีแลนด์ ได้
น.7 นิวซีแลนด์ มาได้ประตูขึ้นนำอย่างเหลือเชื่อ จากลูกเปิดฟรีคิกขึ้นมาทางกราบซ้าย ระยะประมาณ 30 หลา บอลลอยโด่งเข้ามาในเขตโทษ คันนาวาโร่ เข้าบอลโฉ่งฉ่าง บอลไหลไปเข้าทาง เชน สเมลท์ซ กองหน้าตัวเป้า เข้าฮอสลูกนี้ผ่านตัว มาร์เค็ตติ เข้าไป นิวซีแลนด์ ขึ้นนำ อิตาลี อย่างเหลือเชื่อ 1-0
น.17 คิเอลลินี่ กองหลังของ อิตาลี มีโอกาส ซัดประตู ตีเสมอให้กับทีม หลังจากเติมเกมขึ้นมาในลูกเตะมุม และได้จังหวะจับบอลโล่งๆ ประมาณ 6 หลา แต่ยิงแป้ก ข้ามคานไปไกล
น.27 อิตาลี น่าจะได้ประตูตีเสมออีกครั้ง จากการลองสับไกนอกกรอบเขตโทษ ระยะประมาณ 30 หลา ของ มอนโตลิโว่ ด้วยขวา บอลลอยพุ่งไปชนเสาอย่างจัง พลาดโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย
น.28 ในที่สุด "อัซซูรี่" ก็มาได้ประตูตีเสมอ "กีวี" จนได้ เมื่อ ทอมมี่ สมิธ ไปดึง เด รอสซี่ ล้มลงในเขตโทษ คาร์ลอส บาตเรส ตุลาการสนามจาก กัวเตมาลา ไม่รอช้า เป่าให้เป็นลูกจุดโทษของ อิตาลี และเป็น วินเชนโซ่ ยาควินต้า ที่จัดการซัดลูกนี้ไม่พลาด อิตาลี ตีเสมอ นิวซีแลนด์ ได้สำเร็จ 1-1
น.45 อิตาลี ขึงเกมรุกบุกใส่ นิวซีแลนด์ อย่างต่อเนื่อง หลังได้ประตูตีเสมอ และจังหวะนี้ เด รอสซี่ ได้ลองสับไก ระยะประมาณ 30 หลา แต่ มาร์ค พาสตัน ยังไว ปัดออกหลังไปได้ อย่างหวัดหวิดก่อนที่บอลจะฮุคเข้าประตูไป
จบครึ่งแรก อิตาลี ยังเสมออยู่กับ นิวซีแลนด์ 1-1
เริ่มเกมครึ่งหลังมา อิตาลี เปลี่ยนตัว ถึงสองคนหวังจะทำประตูให้ได้ โดยเอา ซิโมเน่ เปเป้ และ อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ สองตัวรุกที่ทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ในครึ่งแรกออก และเอา ปีกตัวเก๋าอย่าง เมาโร คาโมราเนซี่ และกองหน้า ดาวซัลโว กัลโช่ เซเรียอา ฤดูกาลล่าสุด อย่าง อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่ ลงมาเล่นแทน
เปิดเกมครึ่งหลังขึ้นมา อิตาลี แม้จะได้ครองบอลบุกได้ต่อเนื่องมากกว่า "กีวี" ชัดเจน แต่ยังหาโอกาสเข้าประตูไม่ได้
จนมาถึงนาทีที่ 69 ริคาร์โด้ มอนโตลิโว่ ได้โอกาสตะบันแบบเต็มข้อ ด้วยขวา แต่ว่า มาร์ค พาสตัน โชว์เชพมือเดียวปัดลูกเอาไว้ได้
น.79 คาโมราเนซี่ สตาร์อิตาลี ที่ลงมาเป็นตัวสำรอง ได้โอกาสสับไกระยะประมาณ 25 หลา ด้วยซ้าย บอลออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย
น.88 เป็น คาโมราเนซี่ อีกครั้ง ที่ได้โอกาส ม้วนตัวสองรอบก่อนซัดไกล ระยะประมาณ 30 หลา แต่เป็น มาร์ค พาสตัน ยังไว บินปัดออกไปได้
จบเกม "กีวี" นิวซีแลนด์ ต้านทาน "อัซซูรี่" อิตาลี ได้อย่างเหลือเชื่อ เสมอกันไป 1-1 ทำให้กลุ่มนี้ ยังไม่มีทีมใดที่เข้ารอบร้อยเปอร์เซ็นต์ จากการลงสนามเท่ากันทั้งสองนัด โดย ปารากวัย นำเป็นที่หนึ่งของสาย มีอยู่ 4 แต้ม ตามด้วย อิตาลี ที่มีอยู่สองแต้มเท่ากับ นิวซีแลนด์ ส่วน สโลวาเกีย รั้งท้ายมีอยู่เพียง 1 แต้ม เท่านั้น ต้องไปลุ้นกันในนัดสุดท้ายของรอบแรก
แมน ออฟ เดอะ แมตช์ : เดนิเอเล่ เด รอสซี่
รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนามของทั้งสองทีม
ทีมชาติ อิตาลี ระบบ 4-4-2
ผู้รักษาประตู : เฟเดริโก้ มาร์เค็ตติ
กองหลัง : จานลูก้า ซามบร็อตต้า, ฟาบิโอ คันนาวาโร่ (กัปตันทีม), จอร์โจ้ คิเอลลินี่, โดเมนิโก้ คริสซิโต้
กองกลาง : เดนิเอเล่ เด รอสซี่, ซิโมเน่ เปเป้ (อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่ 46), เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ (จามเปาโล ปาซซินี่ 61), ริคาร์โด้ มอนโตลิโว่
กองหน้า : อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ (เมาโร คาโมราเนซี่ 46), วินเชนโซ่ ยาควินต้า
ผู้จัดการทีม : มาร์เซลโล่ ลิปปี้
ทีมชาติ นิวซีแลนด์ ระบบ 4-5-1
ผู้รักษาประตู : มาร์ค พาสตัน
กองหลัง : วินส์ตัน รีด, ไรอัน เนลเซ่น (กัปตันทีม), อีวาน วิเชลิช (เจเรมี่ คริสตี้ 88), ทอมมี่ สมิธ
กองกลาง :โทนี่ ล็อคเฮด, รอรี่ ฟัลล่อน (คริส วูด 63), เลโอ เบอร์ตอส, คริส คิลเลน (แอนดี้ บาร์รอน 90+3), ไซม่อน เอลเลียตต์
กองหน้า : เชน สเมลท์ซ
ผู้จัดการทีม : ริคกี้ เฮอร์เบิร์ต
ผู้ตัดสิน : คาร์ลอส บาตเรส (กัวเตมาลา)
ปี | ชนะเสิศ | รองชนะเสิศ | อันดับ 3 |
2006 | อิตาลี | ฝรั่งเศส | เยอรมนี |
2002 | บราซิล | เยอรมนี | ตุรกี |
1998 | ฝรั่งเศส | บราซิล | โครเอเชีย |
1994 | บราซิล | อิตาลี | สวีเดน |
1990 | เยอรมนี | อาร์เจนตินา | อิตาลี |
1986 | อาร์เจนตินา | เยอรมนี | ฝรั่งเศส |
1982 | อิตาลี | เยอรมนี | โปแลนด์ |
1978 | อาร์เจนตินา | ฮอล์แลนด์ | บราซิล |
1974 | เยอรมนี | ฮอล์แลนด์ | โปแลนด์ |
1970 | บราซิล | อิตาลี | เยอรมนี |
1966 | อังกฤษ | เยอรมนี | โปรตุเกส |
1962 | บราซิล | เชโกสโลวาเกีย | ชิลี |
1958 | บราซิล | สวีเดน | ฝรั่งเศส |
1954 | เยอรมนี | ฮังการี | ออสเตรีย |
1950 | อุรุกวัย | บราซิล | สวีเดน |
1938 | อิตาลี | ฮังการี | บราซิล |
1934 | อิตาลี | เชโกสโลวาเกีย | เยอรมนี |
1930 | อุรุกวัย | อาร์เจนตินา | อเมริกา |