สภาพทีม : ฮอลแลนด์มีข่าวดีเมื่อจะได้ อาร์เยน ร็อบเบน หายเจ็บกลับมาลากเลื้อยริมเส้นได้ในเกมนี้ โดยคาดว่าน่าจะได้เล่นแทน ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ที่เล่นไม่ออกในเกมแรก ส่วนตำแหน่งอื่นๆ ไม่น่ามีการเปลี่ยนแปลง คาดว่ากุนซือ เบิร์ต ฟาน มาร์ไวจ์ค จะให้ เอเยโร่ เอเลีย ปีกดาวรุ่งลงเล่นเป็นซูเปอร์ซับเหมือนเดิมแม้เกมรับจะลงมาพลิกเกมได้ดีมากก็ตาม ส่วน ญี่ปุ่น กุนซือทาเคชิ โอกาดะ น่าจะยึดผู้เล่นชุดที่ชนะแคเมอรูนลงสนามต่อไป พวกดาวดังอย่าง ชุนสึเกะ นากามูระ, จุนอิจิ อินาโมโตะ และ ทากายูกิ โมริโมโตะ จะเป็นเพียงตัวสำรองเท่านั้น 

11 ผู้เล่นที่คาดว่าจะลงสนาม :

ฮอลแลนด์ : สเตเคเลนเบิร์ก,ฟาน เดอร์ วีล,ไฮติงก้า,มาไธจ์เซ่น,ฟาน บร็องค์ฮอร์สต์,ฟาน บอมเมล,เดอ ย็อง,สไนจ์เดอร์,ร็อบเบน,เคาท์,ฟาน เพอร์ซี่

ญี่ปุ่น : คาวาชิม่า,นากาซาว่า,ทานากะ,โคมาโนะ,นากาโตโมะ,ฮาเซเบะ,อาเบะ,เอ็นโดะ,มัตสึอิ,โอคุโบะ,ฮอนดะ

วิเคราะห์เกม : ฮอลแลนด์มีข้อได้เปรียบทีมอื่นคือมีตัวรุกริมเส้นคุณภาพดีมากมาย ตัวสำรองมีประสิทธิภาพสามารถลงมาพลิกเกมได้ดีหลายคน เกมแรกฮอลแลนด์แสดงให้เห็นแล้วว่ามีเกมรุกที่หลากหลายซึ่งช่วยให้เอาชนะ เดนมาร์ก มาได้ 2-0 ส่วน ญี่ปุ่น พลิกชนะ แคเมอรูน มาได้ 1-0 ด้วยเกมรับที่เหนียวแน่น แต่ก็ยังขาดๆ เกินๆ อยู่พอสมควร หากเจอทีมที่มีทักษะความสามารถเฉพาะตัวสูงๆ อาจจะไปไม่เป็นเหมือนกัน ดูแววแล้วอาจคล้ายเกาหลีใต้ที่เจอ อาร์เจนติน่า คือมิดฟิลด์สู้ไม่ได้ บีบให้ต้องเล่นเกมรับเต็มรูปแบบ ซึ่งมองว่ากองหลังญี่ปุ่นยังไม่เหนียวเท่าไหร่ ฮอลแลนด์ น่าจะเจาะเข้าทำประตูจนได้ แม้ช่วงแรกอาจจะอึดอัดหน่อยก็ตาม หากลูกแรกมาเร็ว สกอร์ไหลแน่นอน