อ็อตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์ ยอดโค้ชทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ซูฮกนักเตะแดนนาฬิกา เล่นเป็นระบบ จัดเกมรับเหนียวแน่นตามแท็กติก ก่อนได้รับรางวัลเป็นชัยชนะครั้งประวัติศาสตร์ เมื่อหักปากกาเซียน เฉือน สเปน 1-0 ชู ดีเอโก้ เบนาโญ่ นายด่านจอมหนึบ โชว์ฟอร์มโดดเด่น เป็นกำลังสำคัญสำหรับ 3 คะแนนแรกอย่างแท้จริง
อ็อตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์ กุนซือทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ ออกปากยกย่องการทุบ สเปน สุดพลิกล็อก 1-0 เกมฟุตบอลโลก 2010 รอบสุดท้าย กลุ่ม เอช จากประตูโทนของ เกลสัน แฟร์กน็องเดส เมื่อวันพุธที่ 16 มิถุนายน ที่ผ่านมา นับเป็นชัยชนะประวัติศาสตร์ของทีมเลยทีเดียว
แม้ทัพนักเตะแดนนาฬิกาจะสามารถดับขุนพลเมืองกระทิงได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ พร้อมอยู่ในสถานการณ์ยอดเยี่ยม ในการผ่านเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้ายต่อไป แต่เทรนเนอร์ชาวเยอรมัน กลับยังกระตุ้นให้ลูกทีม รักษาฟอร์มการเล่นอันน่าประทับใจเอาไว้ต่อไป
"มันเป็นชัยชนะประวัติศาสตร์ เรื่องนี้จะถูกบันทึกลงในหนังสือสถิติ พวกเราไม่เคยเอาชนะ สเปน มาเป็นเวลานาน เราก้าวเข้าไปอีกขั้นของการเข้าสู่รอบ 2 แต่ตอนนี้มันจะมีหลายสิ่งหลายอย่างมากกว่าเดิมที่ได้รับการคาดหมายจากพวกเรา เราต้องตั้งใจ และมีสมาธิต่อไป มันเป็นความรู้สึกที่ยิ่งใหญ่ ในการเริ่มต้นทัวร์นาเมนต์ด้วย 3 คะแนน จากหนึ่งในตัวเต็งแชมป์ มันเป็น 3 คะแนนที่ไม่ได้คาดหวังเอาไว้" อดีตนายใหญ่ บาเยิร์น มิวนิค กล่าว
โค้ชเลือดเบียร์ ยังกล่าวปกป้องสไตล์การเล่นแน่นอนของทีมในช่วงแรกว่า "ผมพอใจกับฟอร์มการเล่นของทีม เป้าหมายของเราในวันนี้คือ การใช้แนว 2 ชั้นกระชับอยู่หลังกองหน้า เพราะเราไม่ต้องการเสียพลังในการสู้เพื่อแย่งบอลมากเกินไป เราต้องการตั้งสมาธิอยู่กับเกมรับ และรอคอยจังหวะสวนกลับ เรามีสมาธิ และจัดระบบได้ดีตั้งแต่ออกสตาร์ต เราไม่ปล่อยโอกาสให้ สเปน ในช่วงครึ่งแรก และทำให้เรามีความมั่นใจมากขึ้น"
"ในช่วงครึ่งเวลาหลัง สเปน เคลื่อนเกมบุกมาครั้งแล้วครั้งเล่า และพวกเราก็รู้ดีว่า พวกเขาอาจเปิดแนวรับเอาไว้ หลังจากที่พวกเราได้ประตูขึ้นนำ เราก็ยิ่งมีความมั่นใจเพิ่มมากขึ้นไปอีก หากคุณเล่นเกมรุกใส่ สเปน คุณจะแพ้ และเสียประตูครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างแน่นอน"
นอกจากนั้น เทรนเนอร์วัย 61 ปี ยังกล่าวชมเชย ดีเอโก้ เบนาโญ่ มือกาวคนสำคัญ ที่ทำหน้าที่ไม่มีข้อผิดพลาดตลอดทั้ง 90 นาทีว่า "เขาเป็นผู้รักษาประตูระดับโลกในสถานการณ์หนึ่งต่อหนึ่ง เขาสำคัญอย่างยิ่งกับชัยชนะของเรา"
ปี | ชนะเสิศ | รองชนะเสิศ | อันดับ 3 |
2006 | อิตาลี | ฝรั่งเศส | เยอรมนี |
2002 | บราซิล | เยอรมนี | ตุรกี |
1998 | ฝรั่งเศส | บราซิล | โครเอเชีย |
1994 | บราซิล | อิตาลี | สวีเดน |
1990 | เยอรมนี | อาร์เจนตินา | อิตาลี |
1986 | อาร์เจนตินา | เยอรมนี | ฝรั่งเศส |
1982 | อิตาลี | เยอรมนี | โปแลนด์ |
1978 | อาร์เจนตินา | ฮอล์แลนด์ | บราซิล |
1974 | เยอรมนี | ฮอล์แลนด์ | โปแลนด์ |
1970 | บราซิล | อิตาลี | เยอรมนี |
1966 | อังกฤษ | เยอรมนี | โปรตุเกส |
1962 | บราซิล | เชโกสโลวาเกีย | ชิลี |
1958 | บราซิล | สวีเดน | ฝรั่งเศส |
1954 | เยอรมนี | ฮังการี | ออสเตรีย |
1950 | อุรุกวัย | บราซิล | สวีเดน |
1938 | อิตาลี | ฮังการี | บราซิล |
1934 | อิตาลี | เชโกสโลวาเกีย | เยอรมนี |
1930 | อุรุกวัย | อาร์เจนตินา | อเมริกา |