ฮอนดูรัส อ่วมหนักหลังโดน "ขุนพล ลาโรฮา" ชิลี กดดันและทำเกมรุกอย่างหนักหน่วงเข้าใส่ ตลอดเกือบทั้ง 90นาที ทำให้การทำเกมอ่อนละทวยเป็นพักๆ ชิลี จึงเอาชนะไปได้ 1-0 จาก ฌอน โบเซอฌูร์ ส่งผลให้ ชิลี เก็บ 3แต้มขึ้นนำจ่าฝูงของ กลุ่มเอช ไปก่อน

การแข่งขันฟุตบอลโลก (เวิลด์ คัพ) 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้ ณ บอมเบล่า สเตเดี้ยม เป็นการแข่งขันคู่แรก ของกลุ่ม เอช ระหว่าง ทีมฮอนดูรัส พบกับ "ขุนพล ลาโรฮา" ชิลี สำหรับคู่นี้เริ่มดวลแข้งกันเวลา 18.30น. (ตามเวลาประเทศไทย)

ทีม ฮอนดูรัส นำโดย เรนัลโด้ รูเอด้า ได้รับการติดต่อจากสมาคมฟุตบอลฮอนดูรัส ให้เจ้าตัวขึ้นกุมบังเหียนในปี 2006 นั่นก็ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของวงการฟุตบอลฮอนดูรัส เจ้าตัวยังพาทีมจบอันดับ 3 โซนคอนคาเคฟ ได้อย่างน่าชื่นชม และเข้ามาเปลี่ยนแปลงฮอนดูรัส อย่างเห็นได้ชัด สำหรับผลงานการอุ่นเครื่องของเส้นทางแอฟริกา 6 นัดนั้น ชนะมาแค่นัดเดียวเท่านั้น(U.S.A.) เสมอ 2(เบลารุส,อาเซอร์ไบจาน) แพ้ 3(ตุรกี,เวเนซุเอลา,โรมาเนีย)

อีกฝั่งของ ชิลี นำทัพโดย มาร์เซโล่ บิเอลซ่า วัย 54 ปี เจ้าตัวต้องกลายเป็นคนว่างงานมาถึง 3 ปี ก่อนจะได้รับข้อเสนอจากสหพันธ์ฟุตบอลชิลี ให้เข้ามากอบกู้ความศรัทธา พร้อมเป้าหมายตั๋วฟุตบอลโลกปี 2010 ท่ามกลางคำถามและเสียงวิจารณ์มากมาย ที่สำคัญเขายังผสมผสานระหว่างนักเตะดาวรุ่งกับแข้งใหม่ๆมากประสบการณ์เข้ามาได้อย่างลงตัว รวมถึงผลงานที่สุดยอดตลอด 2 ปีที่คุมทัพ จึงไม่แปลกใจที่แฟนบอลประเทศชิลี ต่างชื่นชมฝีไม้ลายมือยอดกุนซือผู้นี้ เส้นทางการอุ่นเครื่องแดนกาฬทวีป 7นัด ชนะ 5(ปานามา,ตรินิแดดแอนด์โตเบโก,แซมเบีย,ไอร์แลนด์เหนือ,อิสราเอล)เสมอ 1(เวเนซุเอลา) แพ้ 1(เม็กซิโก)

เริ่มครึ่งเวลาแรก

เรื่มเกมมาได้แค่ 3 นาที  ชิลีเกือบมีโอกาสขึ้นนำก่อนทันที จากลูกฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษและเป็น มาติอัส เฟร์นานเดซ ปั่นบอลลอยเกือบฮุกใต้คานไปเพียงนิดเดียว เป็นโอกาสของชิลี ในช่วงต้นเกมก่อนหลังจากนั้นไม่นาน น.4 คาร์ลอส คาร์โมน่า ก็มาโดนใบเหลืองแรกของเกมนี้

น.9 ฮอนดูรัส ถูกกดดันอย่างหนักจนทำให้ ชิลี ทำเกมเข้าบีบตลอดเวลา ทำให้ อาร์ตูโร่ วิดาล ได้โอกาสสับไกลหน้ากรอบเขตโทษ และ โนเอล วายาดาเรส ออกแรงรับจนบอลกระชอก แต่ตามเก็บบอลเอาไว้ได้ทัน

เกมการแข่งขันผ่านมาได้ 15 น. ชิลี ยังคงทำเกมครองบอลและหาจังหวะได้ดีกว่า ฮอนดูรัส เป็นส่วนใหญ่

น.18 ฮอนดูรัส พอได้โอกาสบ้าง จาก คาร์ลอส ปาวอน เลี้ยงบอลขึ้นมาได้โอกาสหาจังหวะ สับไกลหน้ากรอบเขตโทษ แต่บอลดันไปบดและเบา ออกหลังประตูไป เป็นโอกาสลุ้นครั้งแรกของ ฮอนดูรัส

น.21 ฮอร์เก้ วัลดิเวีย กองกลางของ ชิลี เกือบทำให้ทีมได้ลุ้นขึ้นนำก่อน เมื่อหาโอกาสได้ยิงเต็มเท้า บอลพุ่งแรงเข้ากรอบประตู แต่บอลไปติดแผงกองหลังของฮอนดูรัส แฉลบออกหลังไปอย่างหวุดหวิด

น. 25 ชิลี มีโอกาสบ้างจาก อาร์ตูโร่ วิดาล ที่ได้โอกาสสอดขึ้นมาโหม่งบริเวณหน้าประตู แต่พยายามที่จะกดบอลลงเต็มที่แต่บอลก็ข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

น.33 วิลสัน ปาลาซิออส มาโดนใบเหลืองย้อนหลังเมื่อ เอ็ดดี้ เมลเล็ต ผู้ตัดสินของวันนี้ ชี้ไปที่จุดฟาวล์ของตนถึงสามครั้งก่อนหน้านี้

น.35 "ขุนพล ลาโรฮา" ก็ได้เฮก่อน จากจังหวะเปิดจากด้านข้างของ ฮอร์เก้ วัลดิเวีย เข้ามาหน้ากรอบเขตโทษ กองหลังของฮอนดูรัสสกัดไปโดนขาของ ฌอน โบเซอฌูร์ บอลเข้าประตูไป ทำให้ชิลีออกนำไปก่อน 1-0

นาทีสุดท้ายของครึ่งเวลาแรก ฮอนดูรัส เกือบได้ลุ้นลูกตีเสมอ จากลูกฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษและเป็น เอมิลิโอ อิซากีร์เร่ สับไกเต็มเท้าบอลพุ่งเกือบมุดใต้คาน ทำให้ เคลาดิโอ บราโว่ ต้องออกแรงปัดข้ามคานออกหลังไป เป็นโอกาสลุ้นครั้งสุดท้ายในครึ่งแรกของ ฮอนดูรัส

หมดครึ่งเวลาแรก ฮอนดูรัส 0-1 ชิลี

เริ่มครึ่งหลัง

เกมครึ่งหลังผ่านมาได้สักพัก ต่างฝ่ายต่างยังคงหาจังหวะเข้าทำกันอย่างเต็มที่ และรอให้อีกฝ่ายทำพลาดเพื่อรอฉวยโอกาสทำเกมรุกเข้าใส่  จกานั้น เกมผ่านมา 10 นาที ยังคงเป็น ชิลี ที่ทำเกมกดดัน ฮอนดูรัส ได้อย่างต่อเนื่อง

น.62 อเล็กซิส ซานเชซ ได้โอกาส เลี้ยงบอลหลับแผงหลังฮอนดูรัส อย่างสวยงาม ก่อนที่จะยิงหักข้อ หนีมือ โนเอล วายาดาเรส ไปแล้ว แต่บอลพุ่งเลียดพื้อนถาดเสาไปนิดเดียวเท่านั้น เป็นโอกาสที่จะขึ้นนำห่างของชิลี

น.64 ชิลี น่าจะได้ประตูนำห่างเป็น 2-0 อีกครั้ง เมื่อทาง วัลโด้ ปอนเซ่ หาจังหวะบอล ลอยมาขณะที่ตนยืนอยู่คนเดียว โขกเน้นๆ ระยะเผาขนเลยทีเดียว แต่ก็เป็น โนเอล วายาดาเรส ที่โชว์ปฏิกิริยาการเซฟได้อย่างเทพปัดบอลออกไป ทำให้ทีมเกือบโดนนำห่างไปอย่างหวุดหวิด

น.72 ชิลี มาได้ลูกฟรีคิกจากทางด้านซ้าย มาติอัส เฟร์นานเดซ ปั่นบอลลอยโด่งเข้ามาในเขตโทษ และเป็น ฌอน โบเซอฌูร์ แปบอลด้วยขวา แต่บอลก็ไปเข้าซอง โนเอล วายาดาเรส รับอย่างสบายๆ

น.74 ชิลี ยังคงบุกกดดันอย่างต่อเนื่อง และน่าจะได้ประตูนำห่างในจังหวะที่ได้โอกาส อเล็กซิส ซานเชซ ซัดเต็มๆไปติด โนเอล วายาดาเรส บอลกระดอนออกมาเข้าทางของ มาติอัส เฟร์นานเดซ ตัดสินใจ ยิงด้วยขวาซ้ำอีกที แต่ก็ไม่ได้เนื่องจากเป็นลูกล้ำหน้าไปก่อน

ตลอดเกมในครึ่งเวลาหลัง ฮอนดูรัส แทบจะไม่มีจังหวะทำเกมและโอกาสเข้าทำประตูของทางฝั่ง ชิลี ได้เลย จนเข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 3นาที

น. 81 แกรี่ เมเดล หาจังหวะได้โอกาส กระโดดโหม่งบอลตามน้ำ บอลดันไม่เข้ากรอบออกหลังไป แถมจังวะนั้นก็ยังเป็นจังหวะล้ำหน้าไปด้วย เป็นโอกาสอีกครั้งของ ชิลี

น.93 มาร์ค กอนซาเลซ ที่ถูกเปลี่ยนตัวลงมาเล่นได้แปปเดียวเท่านั้น ก็หาโอกาสได้สับไกยิงเต็มข้อ จากทางด้านขวาของกรอบเขตโทษ บอลพุ่งเฉียดคานไปนิดเดียวเท่านั้น และก็เป็นโอกาสสุดท้ายของเกมนี้พอดี

หมดเวลาการแข่งขัน ฮอนดูรัส 0-1 ชิลี(ฌอน โบเซอฌูร์)

ฮอนดูรัส ระบบ 4-2-3-1
ผู้รักษาประตู : โนเอล วายาดาเรส
กองหลัง : เซร์คิโอ เมนโดซ่า, ออสมัน ชาเวซ, มายนอร์ ฟิเกรัว, เอมิลิโอ อิซากีร์เร่
กองกลาง : ราม่อน นูเนซ(วอลเตอร์ มาร์ติเนซ น.78), วิลสัน ปาลาซิออส, อมาโด้ กูเอวาร่า(วอลเตอร์ มาร์ติเนซ น.78), เอ็ดการ์ด อัลวาเรซ, โรเจอร์ เอสปิโนซ่า
กองหน้า : คาร์ลอส ปาวอน(จอร์จี้ เวลคัม น.60)

ชิลี ระบบ 4-3-3
ผู้รักษาประตู : เคลาดิโอ บราโว่
กองหลัง : เมาริซิโอ อิสล่า, แกรี่ เมเดล, วัลโด้ ปอนเซ่, อาร์ตูโร่ วิดาล(พาโบล คอนเตรราส น.81)
กองกลาง : คาร์ลอส คาร์โมน่า, โรดริโก้ มิลลาร์(พาโบล คอนเตรราส น.81), มาติอัส เฟร์นานเดซ
กองหน้า : ฮอร์เก้ วัลดิเวีย(พาโบล คอนเตรราส น.81), ฌอน โบเซอฌูร์, อเล็กซิส ซานเชซ

ผู้ตัดสิน : เอ็ดดี้ เมลเล็ต (เซย์เชลล์ส)