อาร์เยน ร็อบเบน ปีกจอมเทคนิค "อัศวินสีส้ม" ฮอลแลนด์ ประกาศกร้าว ขอคว้าแชมป์เวิลด์ คัพ 2010 ให้ได้ หลังจากต้องผิดหวังที่ "เสือใต้" บาเยิร์น มิวนิค พ่าย "งูใหญ่" อินเตอร์ มิลาน ในรอบชิงแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลที่ผ่านมา พร้อมเผยถ้าได้ "อินทรีเหล็ก" เยอรมัน เป็นคู่ชิงจะช่วยให้มีแรงกระตุ้นในการเอาชนะมากขึ้น
อาร์เยน ร็อบเบน ปีกทีมชาติฮอลแลนด์ ของ บาเยิร์น มิวนิค แชมป์บุนเดสลีกา ฤดูกาลล่าสุด ออกมาแสดงความมั่นใจว่าจะพาพลพรรค "อัศวินสีส้ม" คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 2010 มาครองได้อย่างแน่นอน หลังจากเอาชนะ ทีมชาติอุรุกวัย 3-2 ในเกมรอบรองชนะเลิศ เมื่อวันอังคารที่ 6 ก.ค.ที่ผ่านมา
ดาวเตะวัย 26 ปี กล่าวกับ "นอส" สถานีโทรทัศน์ในบ้านเกิดว่า "เรามีเพียงเป้าหมายเดียวเท่านั้นในการลงแข่งทัวร์นาเมนต์นี้ เรามีสภาพที่ดีก่อนแมตช์กับ อุรุกวัย และผมเชื่อว่าเราจะคว้าแชมป์ได้ ทีมดัตช์ชุดนี้เป็นทีมที่ยอดเยี่ยม เราต้องการชัยชนะอีกแค่นัดเดียว ผมแพ้ในรอบชิงชนะเลิศ (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก) ในระดับสโมสร และผมจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นอีก เรามีความมั่นใจเต็มเปี่ยมในช่วงนี้"
ปีกจอมเทคนิค เผยว่าเขาอยากเจอเยอรมัน ในรอบชิงชนะเลิศมากกว่า "เราต้องรอดูว่าใครจะเป็นคู่ชิงของเรา ทั้งสเปน และ เยอรมัน ต่างเป็นทีมที่ยอดเยี่ยม ถ้า เยอรมัน เป็นคู่แข่งทีมต่อไปของเรา ผมจะมีความกระตือรือร้นมากขึ้น ผมจะแพ้ เยอรมัน ไม่ได้ เพราะเพื่อนร่วมทีมของผมที่ บาเยิร์น จะต้องแซวผมไปตลอดฤดูกาลหน้าแน่นอน"
ขณะที่ เดิร์ก เค้าท์ กองหน้าลิเวอร์พูล เชื่อว่า ฮอลแลนด์ กำลังสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์เวิลด์ คัพ ครั้งแรกได้ หลังจากได้แค่รองแชมป์ในปี 1974 และ 1978 กล่าวว่า "เราใกล้จารึกประวัติศาสตร์แล้ว นี่เป็นครั้งที่ 3 ที่เราเข้ารอบชิงฯ ตอนนี้เราต้องชนะให้ได้ สิ่งที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้น่าเหลือเชื่อ เรารู้สึกตั้งแต่ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์ว่าเรามีศักยภาพพอจะคว้าแชมป์ได้ และหลังจากเส้นทางอันยาวไกล เราก็ได้เข้าชิงฯ มันเป็นความรู้สึกที่น่าทึ่ง"
เค้าท์ เปิดบอลจากกราบซ้ายให้ ร็อบเบน โขกเป็นประตูทิ้งห่าง 3-1 เชื่อว่าทีมมีโอกาสยิงได้ถึง 5-6 ประตู "เรารู้ว่าเราจะได้ผลการแข่งขันที่ดี และมันก็เกิดขึ้นในที่สุด เราทำเกมได้อีกครั้งในช่วงครึ่งหลัง และสร้างโอกาสหลายครั้ง เราน่าจะยิงได้ 5-6 ประตูตลอด 90 นาที น่าเสียดายที่เราเสียประตูที่ 2 ในช่วงทดเวลา แต่ผลที่ออกมาก็ถือว่ายอมรับได้"
ด้าน เวสลี่ย์ สไนจ์เดอร์ มิดฟิลด์ตัวเก่ง อินเตอร์ มิลาน ซึ่งทำไปแล้ว 5 ประตูในทัวร์นาเมนต์นี้ และกลายเป็นตัวเต็งอันดับต้นๆ ที่จะคว้ารางวัล ฟีฟ่า บัลลงดอร์ ที่จะประกาศในเดือน ม.ค.ปีหน้า กล่าวว่า "นี่เป็นเรื่องที่ไม่สามารถลืมได้ นี่เป็นการต่อสู้ที่ยากลำบาก แต่วันอาทิตย์นี้เราจะเล่นนัดชิงเวิลด์ คัพ เราเข้าใกล้มากแล้ว ไม่มีอะไรยิ่งใหญ่ไปกว่าแชมป์เวิลด์ คัพ อีกแล้ว"
ปี | ชนะเสิศ | รองชนะเสิศ | อันดับ 3 |
2006 | อิตาลี | ฝรั่งเศส | เยอรมนี |
2002 | บราซิล | เยอรมนี | ตุรกี |
1998 | ฝรั่งเศส | บราซิล | โครเอเชีย |
1994 | บราซิล | อิตาลี | สวีเดน |
1990 | เยอรมนี | อาร์เจนตินา | อิตาลี |
1986 | อาร์เจนตินา | เยอรมนี | ฝรั่งเศส |
1982 | อิตาลี | เยอรมนี | โปแลนด์ |
1978 | อาร์เจนตินา | ฮอล์แลนด์ | บราซิล |
1974 | เยอรมนี | ฮอล์แลนด์ | โปแลนด์ |
1970 | บราซิล | อิตาลี | เยอรมนี |
1966 | อังกฤษ | เยอรมนี | โปรตุเกส |
1962 | บราซิล | เชโกสโลวาเกีย | ชิลี |
1958 | บราซิล | สวีเดน | ฝรั่งเศส |
1954 | เยอรมนี | ฮังการี | ออสเตรีย |
1950 | อุรุกวัย | บราซิล | สวีเดน |
1938 | อิตาลี | ฮังการี | บราซิล |
1934 | อิตาลี | เชโกสโลวาเกีย | เยอรมนี |
1930 | อุรุกวัย | อาร์เจนตินา | อเมริกา |