ผ่านครึ่งทางแล้ว สำหรับฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ วันนี้เป็นรอบ 8 ทีม 2 คู่สุดท้าย โดย 2 คู่ในคืนวันเสาร์ที่ 3 กรกฎาคมนี้ เป็น 2 คู่ที่แฟนบอลพลาดไม่ได้เช่นกัน เป็นศักดิ์ศรีของบอลต่างทวีปมาซดแข้งกัน
โดยเฉพาะคู่แรก 21.00 น. อาร์เจนตินา พบกับ เยอรมนี คู่นี้เอาไปเลยระดับ 5 ดาว ดีกรี ชื่อชั้นพอฟัดพอเหวี่ยงกัน ทีม "ฟ้าขาว" อาร์เจนตินา เป็นแชมป์โลกมา 2 สมัย มาคราวนี้ "เสือเตี้ย" ดิเอโก มาราโดนา เดินนำทัพมาทางโล่ง รอบแรกชนะรวด 3 นัด รอบ 16 ทีมก็อัด "จังโก้" เม็กซิโก ได้ 3-1 ส่วน "อินทรีเหล็ก" เยอรมนี ดีกรีแชมป์โลก 3 สมัย จากการนำของโยอาคิม เลิฟ รอบแรกแทบเอาตัวไม่รอดเหมือนกัน ต้องลุ้นกันจนหยดสุดท้าย มารอบ 16 ทีมก็ยังมองไม่ออก ได้ทั้งโชค-กรรมการ-ฝีเท้า ผสมผสานกัน จนชนะอังกฤษ 4-1 ประตู ชนิดที่กรรมการก็โดนฟีฟ่าเขี่ยกลับอุรุกวัยไปแล้ว
แต่มาเจอกันในรอบ 8 ทีม ทั้งคู่ต่างก็มีดี-มีด้อยพอๆ กัน ทีม "ฟ้าขาว" แดนหน้า 3 ตัว ถือว่าเป็นทีเด็ด เชื่อขนมกินได้ ทั้ง คาร์ลอส เตเวซ, ลิโอเนล เมสซี และกอนซาโล อิกัวอิน ที่กำลังลุ้นดาวซัลโวอยู่ขณะนี้ โดยความหวังของทีมในทุกๆ นัด ก็ยังอยู่ที่เมสซี แม้ว่าจะยังหาสกอร์แรกไม่เจอ แต่เป็นตัวป่วนแดนหลังคู่ต่อสู้จนทำให้เพื่อนร่วมทีมทั้งเตเวซและอิกัวอินยิงได้ตลอด จุดเด่นของ "ฟ้าขาว" อีกอย่างก็คือการเล่นแบบแบบศิลปิน โดยเฉพาะ 3 แผงหน้า ที่กองหลังคู่ต่อสู้คาดเดายาก ไม่รู้ว่ามันจะมาไม้ไหน ไม่ค่อยมีตำราในการโจมตี คู่ต่อสู้จับทางยาก ขณะที่แผงหลังของอาร์เจนตินาก็โดนโจมตีว่าเป็นจุดอ่อนเช่นกัน อาร์เจนตินาจะใช้สูตร 4-3-3 เล่นกับเยอรมนี
ส่วน "อินทรีเหล็ก" ที่จะเปิดเกมสู้ในระบบ 4-2-3-1 ลูกทีมของโยอาคิม เลิฟ มีดีที่เกมรับที่ค่อนข้างมีระเบียบ และลูกโด่งที่โจมตีคู่ต่อสู้ได้ตลอด แต่เกมนี้เยอรมนีก็มีข่าวว่า ทั้งโพโดลสกี และเมซุส โอซิล ดาวรุ่งดวงใหม่ ไม่ได้ลงซ้อมกับทีมเหตุเพราะบาดเจ็บ แต่ก็ไม่รู้ว่าถึงเวลาจะลงมาวิ่งเต็ม 90 นาทีหรือไม่ ตัวอื่นๆ ที่เป็นความหวังก็ยังเป็นมิโลสลาฟ โคลเซ ดาวยิงตลอดกาลในฟุตบอลโลกก็ยังน่ากลัวตลอด แต่ว่ารูปแบบของเยอรมนีนั้นส่วนใหญ่ไม่ว่าใครจะมาคุมทีมก็ยังเดิมๆ ไม่ค่อยปรับโฉมนัก คู่แข่งจับทางง่าย
ดูแล้วคู่นี้ แม้จะมีดีกันคนละอย่าง แต่เมื่อเทียบกันแล้วยังเห็นไปในทิศทางเดียวกับนายกรัฐมนตรีของไทย ท่าน "มาร์ค" อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่บอกว่า "ฟ้าขาว" จะไปถึงแชมป์โลกด้วย ดูแล้วเชื่อว่าความรวดเร็วของนักเตะอาร์เจนตินาจะช่วยให้เอาชนะเยอรมนีได้แบบสนุก
คู่ที่ 2 เวลา 01.30 น. สเปน พบกับ ปารากวัย คู่นี้ ทีม "กระทิงดุ" สเปน ดีกรีแชมป์ยูโร 2008 รอบแรกก็มาแบบไม่แจ่มนัก แต่ก็เป็นที่ 1 ในกลุ่มได้ พอมารอบ 16 ทีมก็เริ่มคล่องตัวฉายแวว ชนะ "ฝอยทอง" โปรตุเกส ได้ ขณะที่ปารากวัยนั้น รอบ 16 ทีมก็แทบเอาชีวิตไม่รอด ต้องเล่นกับญี่ปุ่นถึง 120 นาทีก็ยังไม่มีสกอร์ ก่อนชนะด้วยการดวลจุดโทษ 5-3 และนี่เป็นครั้งแรกที่ปารากวัย มาไกลที่สุดในการเข้ามาเล่นบอลโลก ดูๆ แล้วก็น่าจะอ่อนสุดน่ะในจำนวน 8 ทีมสุดท้าย
"กระทิงดุ" ก็ยังฝากความหวังไว้ที่ดาบิด บีญา ที่ซัดไปแล้ว 4 ประตู เป็นผู้นำร่วม ขณะที่ดาวยิงความหวังของแฟนบอลไทยอย่างเฟร์นันโด ตอร์เรส ยังหาสกอร์ไม่เจอ ก็ไม่รู้ว่านัดนี้จะระเบิดฟอร์มหรือเปล่า จุดเด่นของสเปนก็น่าจะอยู่ที่ความสดของนักเตะ การเล่นบอลด้วยความคล่องตัว การต่อบอลค่อนข้างแน่นอน ขณะที่ปารากวัยก็อย่างที่บอก ถือว่าม้ามืดพอสมควร และฟอร์มก็ยังไม่ค่อยจัดจ้านนัก ไม่รู้ว่าจะยืนหยัดสู้ความเจ้าเล่ห์ของกระทิงดุได้นานหรือเปล่า
คู่นี้ดูแล้ว "กระทิงดุ" สเปน น่าจะผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศไปเจอเจอกระดูกชิ้นโตที่รออยู่ คือผู้ชนะระหว่างอาร์เจนตินากับเยอรมนี.
ปี | ชนะเสิศ | รองชนะเสิศ | อันดับ 3 |
2006 | อิตาลี | ฝรั่งเศส | เยอรมนี |
2002 | บราซิล | เยอรมนี | ตุรกี |
1998 | ฝรั่งเศส | บราซิล | โครเอเชีย |
1994 | บราซิล | อิตาลี | สวีเดน |
1990 | เยอรมนี | อาร์เจนตินา | อิตาลี |
1986 | อาร์เจนตินา | เยอรมนี | ฝรั่งเศส |
1982 | อิตาลี | เยอรมนี | โปแลนด์ |
1978 | อาร์เจนตินา | ฮอล์แลนด์ | บราซิล |
1974 | เยอรมนี | ฮอล์แลนด์ | โปแลนด์ |
1970 | บราซิล | อิตาลี | เยอรมนี |
1966 | อังกฤษ | เยอรมนี | โปรตุเกส |
1962 | บราซิล | เชโกสโลวาเกีย | ชิลี |
1958 | บราซิล | สวีเดน | ฝรั่งเศส |
1954 | เยอรมนี | ฮังการี | ออสเตรีย |
1950 | อุรุกวัย | บราซิล | สวีเดน |
1938 | อิตาลี | ฮังการี | บราซิล |
1934 | อิตาลี | เชโกสโลวาเกีย | เยอรมนี |
1930 | อุรุกวัย | อาร์เจนตินา | อเมริกา |