เหล่าแข้งเก๋าเม็กซิกัน ก้มหน้ารับคงรูดม่านปิดฉากฟุตบอลโลก 2010 ที่แอฟริกาใต้ ไปพร้อมกับการอำลาสนามรับใช้ทีมชาติบ้านเกิด เชื่อคงไม่มีหวังฝืนสังขารลงเล่นใน เวิลด์ คัพ 2014 ที่บราซิล อีกแล้ว และควรเปิดโอกาสให้ดาวรุ่งไฟแรง เข้ามารับภาระนำความสุขให้ชาวจังโก้ต่อไป
หลังจาก เม็กซิโก ปราชัย อาร์เจนตินา 1-3 เมื่อวันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน ที่ผ่านมา ยุติเส้นทางศึกฟุตบอลโลก 2010 ไว้ที่รอบ 16 ทีมสุดท้าย บรรดานักเตะมากประสบการณ์หลายราย ออกมายอมรับว่าทัวร์นาเมนต์ในแอฟริกาใต้ อาจเป็นการสัมผัสมหกรรมลูกหนังโลกครั้งสุดท้ายของตนเองแล้ว
ดูเหมือนว่านักเตะจอมเก๋าอย่าง ราฟาเอล มาร์เกซ, เคราร์โด้ ตอร์ราโด้, คาร์ลอส ซัลซิโด้, อดอลโฟ่ เบาติสต้า, ออสการ์ เปเรซ, เคาห์เตม็อก บลังโก้ และ กีเยร์โม่ ฟรังโก้ ต่างหมดสิทธิ์ลงสนามในเกม เวิลด์ คัพ อีกต่อไปแล้ว หาก "จังโก้" ผ่านเข้าไปเล่นในศึก ฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ที่ประเทศบราซิล ในอีก 4 ปีข้างหน้า
มาร์เกซ ซึ่งจะมีอายุ 35 กะรัต ในปี 2014 กล่าวหลังต้องผิดหวังพาชาติบ้านเกิดผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ว่า "ผมคิดว่านี่อาจเป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของผม ผมไม่รู้ว่ามันจะมีอีกครั้งหนึ่งหรือเปล่า"
ด้าน ตอร์ราโด้ ซึ่งลงสนามใน ฟุตบอลโลก ครั้งที่ 3 ของตัวเอง กล่าวเสริมว่า "ผมไม่ได้รู้สึกว่ามีสภาพร่างกายที่ย่ำแย่ แต่ผมคิดว่ามันเป็นเวลาที่ผมจะก้าวออกมา และให้โอกาสนักเตะที่อยู่ข้างหลัง ใช่ ผมคิดว่านี่เป็นฟุตบอลโลกครั้งสุดท้ายของตัวเอง และมันน่าเสียดายที่เราไม่สามารถลงเล่นในเกมที่ 5 ได้สำเร็จ"
ส่วน เปเรซ นายประตูวัย 37 ปี ที่ถูกเรียกตัวเข้ามาร่วมทัพในนาทีสุดท้าย และสามารถแย่งตำแหน่งมือ 1 มาครองได้ระหว่างทัวร์นาเมนต์ กล่าวว่า "ฟุตบอลโลกครั้งนี้เป็นงานอำลาสำหรับผม พวกเราไม่ได้ตกรอบในแบบที่เราต้องการ เพราะยังเหลือก้าวเล็กๆ ที่เราไม่อาจผ่านไปได้ แต่ผมเชื่อว่าพวกเด็กๆ จะสามารถทำได้ในอนาคตข้างหน้า"
ขณะเดียวกัน เบาติสต้า ดาวยิงที่ได้โอกาสลงสนามแบบสุดเซอร์ไพรส์ ในเกมพ่าย "ฟ้า-ขาว" เผยว่า "ผมเศร้า เพราะส่วนตัวแล้ว ผมไม่ต้องการอำลาไปในแบบนี้ มันเป็น เวิลด์ คัพ ที่ผมไม่ค่อยมีโอกาสลงเล่นมากเท่าไหร่"
ด้าน ฟรังโก้ ที่เกิดในอาร์เจนตินา ก่อนได้รับสัญชาติเม็กซิกัน พูดถึงการอำลาเกมระดับชาติว่า "นี่เป็นประสบการณ์ที่สวยงามตลอดที่ผ่านมา แต่มันก็เป็นเรื่องยากลำบากเช่นเดียวกัน ตั้งแต่การตัดสินใจเป็นชาวเม็กซิกัน ก็มีคำวิจารณ์มากมายอยู่รอบๆ ตัวผม และมันก็เป็นเรื่องยาก เพราะผมภูมิใจกับการเป็นคนเม็กซิกัน"
สุดท้าย ฮาเวียร์ อากีร์เร่ กุนซือคนเก่ง ที่อนาคตการคุมทัพยังไม่แน่นอน หลังมีกระแสข่าวว่าอาจตัดสินใจกลับไปรับงานในยุโรปอีกครั้ง กล่าวว่า "ผมไม่อาจเปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์ได้ ผมขาดบางอย่าง บางทีอาจเป็นการโน้มน้าวนักเตะ แต่ผมขอขอบคุณพวกเขาสำหรับการสนับสนุนการตัดสินใจของผมตลอด 13 เดือนที่ผ่านมา ผมค่อนข้างผิดหวัง เพราะพวกเราทำงานกันอย่างหนัก และสร้างทีมที่มีความปรารถนาในบางอย่าง ดังนั้น ผมไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไปตำหนิติเตียนใครทั้งนั้น"
ปี | ชนะเสิศ | รองชนะเสิศ | อันดับ 3 |
2006 | อิตาลี | ฝรั่งเศส | เยอรมนี |
2002 | บราซิล | เยอรมนี | ตุรกี |
1998 | ฝรั่งเศส | บราซิล | โครเอเชีย |
1994 | บราซิล | อิตาลี | สวีเดน |
1990 | เยอรมนี | อาร์เจนตินา | อิตาลี |
1986 | อาร์เจนตินา | เยอรมนี | ฝรั่งเศส |
1982 | อิตาลี | เยอรมนี | โปแลนด์ |
1978 | อาร์เจนตินา | ฮอล์แลนด์ | บราซิล |
1974 | เยอรมนี | ฮอล์แลนด์ | โปแลนด์ |
1970 | บราซิล | อิตาลี | เยอรมนี |
1966 | อังกฤษ | เยอรมนี | โปรตุเกส |
1962 | บราซิล | เชโกสโลวาเกีย | ชิลี |
1958 | บราซิล | สวีเดน | ฝรั่งเศส |
1954 | เยอรมนี | ฮังการี | ออสเตรีย |
1950 | อุรุกวัย | บราซิล | สวีเดน |
1938 | อิตาลี | ฮังการี | บราซิล |
1934 | อิตาลี | เชโกสโลวาเกีย | เยอรมนี |
1930 | อุรุกวัย | อาร์เจนตินา | อเมริกา |