7M SPORTS เพิ่มเป็นไซต์โปรด 
อินทรีเหล็กอัดสิงโตเละ4-1มุลเลอร์เบิ้ลทะลุ8ทีมท้าย
27/06/2010  ที่มา  sportfm
ขนาด: A A A

"อินทรีเหล็ก" เยอรมัน ยิงสลุตใส่ "สิงโตคำราม" อังกฤษ 4-1 ได้ประตูจาก โคลเซ่, โพดอลสกี้ และ มุลเลอร์ เบิ้ล ส่วน อังกฤษ มาได้เม็ดเดียวจาก อัพสัน ส่งให้ เยอรมัน ทะลุเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ไปพบคู่ระหว่าง อาร์เจนติน่า กับ เม็กซิโก


การแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2010 รอบสุดท้าย ของวันอาทิตย์ที่ 27 มิถุนายน ทำการแข่งขันในเวลา 21.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) เป็นการแข่งขันในรอบ 16 ทีมสุดท้าย ในศึกบิ๊กแมตช์ ระหว่าง "สิงโตคำราม" อังกฤษ พบกับ "อินทรีเหล็ก" เยอรมัน ทำการแข่งขันที่ สนาม ฟรีสเตท สเตเดี้ยม เมือง บลูมฟองเทน ประเทศ แอฟริกาใต้

อังกฤษ นั้น ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย มีในฐานะ อันดับที่สองของกลุ่ม ซี หลังจาก เสมอ สหรัฐอเมริกา 1-1, เสมอ แอลจีเนีย 0-0 และ ชนะ สโลวีเนีย 1-0 โดยมี 5 แต้ม จาก สามนัด ส่วน เยอรมัน นั้น ผ่านเข้ารอบ 16 ทีมสุดท้าย มีในฐานะ แชมป์ของกลุ่ม ดี หลังจาก ถล่ม ออสเตรเลีย 4-0, แพ้ให้กับ เซอร์เบีย 0-1 และเชือด กานา 1-0 มี 6 แต้ม จากการลงสนามสามนัด เช่นกัน

อังกฤษ วันนี้ ฟาบิโอ คาเปลโล่ ยึดผู้เล่นชุดที่เอาชนะ สโลวีเนีย มาได้ 1-0 ทั้งชุด กองหน้าใช้ เดโฟ คู่กับ รูนี่ย์ ส่วนกองกลาง 4 คน ประกอบไปด้วย  เจมส์ มิลเนอร์ และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กัปตันทีม ยืนทำเกมทางกราบ ส่วน แลมพาร์ด และ แกเร็ธ แบร์รี่  ยืนคุมเกมในแดนกลาง ในขณะที่แนวรับ "บิ๊กดอน" ยังไว้ใจ อัพสัน ยืนคู่กับ เทอร์รี่ หลังจากนัดที่แล้วได้รับโอกาสลงสนามและทำผลงานได้ดี แม้ว่าจะมีข่าวว่า เล็ดลี่ย์ คิง ผ่านความฟิต รวมถึง คาร์ราเกอร์ พ้นโทษแบน แล้วก็ตาม

ในขณะที่ เยอรมัน ของ โยอัคคิม เลิฟ ได้รับข่าวดี เมื่อ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ และ เยโรม บัวเต็ง ฟิตกลับมาลงสนามอีกครั้ง หลังจากมีอาการบาดเจ็บ ส่วน คาเคา ที่มีอาการบาดเจ็บนั้น ถูกแทนที่ด้วย กองหน้าตัวจริงอย่าง มิโรสลาฟ โคลเซ่ โดย เลิฟ ใช้ผู้เล่นชุดเดิมที่ลงสนามครบครัน แดนกลางตัวปั้นเกมใช้สามประสานดาวรุ่ง อย่าง โธมัส มุลเลอร์, เมซุต โอซิล และ ลูคัส โพดอลสกี้ ที่ทำไปคนละลูกในทัวร์นาเมนต์นี้

เริ่มเกมขึ้นมาไม่นาน หลังจากที่เขี่ยบอล ในนาทีที่ 5 เป็น เยอรมัน ที่มีโอกาสได้ประตูขึ้นนำไปก่อนอย่างยิ่ง เมื่อ โอซิล หลุดทะลุไปทางกราบขวาเข้าไปยิงในกรอบเขตโทษ มุมแคบ แต่ เจมส์ ยังไว เอาขามาบล็อกไว้ทัน

น.18 อังกฤษ มาได้ลูกฟรีคิกระยะหวังผลได้ 30 หลา แลมพาร์ด รับหน้าที่สังหารลูกนี้ แต่ยิงไม่ดีพอ ติดกำแพงเด้งออกมา

น.20 เยอรมัน มาได้ประตูขึ้นนำก่อน เมื่อ มิโรสลาฟ โคลเซ่ ได้บอลยาวจากแนวหลัง แล้วสลัดหนีการประกบของ แมทธิว อัพสัน เข้าไปจิ้มบอลผ่านตัว เจมส์ เข้าไปได้ ส่งผลให้ เยอรมัน ขึ้นนำ อังกฤษ 1-0

น.25 อังกฤษ เกือบมาได้ประตูตีเสมอ เมื่อ แบร์รี่ ได้โอกาสสับไกระยะประมาณ 30 หลา บอลพุ่งเข้ากรอบน่ากลัว แต่ มานูเอล นอยเออร์ รับบอลเอาไว้ได้อย่างไม่กระฉอก

น.31 เยอรมัน โต้ตอบ สิงโตคำราม ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ เมื่อ มุลเลอร์ จิ้มบอลทะลุให้ โคลเซ่ หลุดเดี่ยวเข้าไปซัดด้วยขวา แต่ว่า เดวิด เจมส์ ออกมาบล็อกไว้ทัน

น.32 เยอรมัน มาได้ประตูที่สองจนได้ เมื่อ มุลเลอร์ หลุดไปทางกราบขวาของเขตโทษ ก่อนกระดกบอลข้ามหัว เกล็น จอห์นสัน ที่หลุดตำแหน่งมาประกบ บอลไหลไปเข้าทาง ลูคัส โพดอลสกี้ จัดการซัดด้วยซ้ายมุมแคบ บอลลอดขา เจมส์ เข้าไปอย่างสวยงาม เยอรมัน ขึ้นนำ อังกฤษ 2-0

น.37 อังกฤษ มาได้ประตูไล่ขึ้นมาจนได้ เมื่อ เจอร์ราร์ด ได้จังหวะเปิด บอลเข้าไปหน้าปากประตู จากจังหวะต่อเนื่องของการเตะมุม และเป็น อัพสัน ที่สอดขึ้นมาโหม่งผ่านมือของ นอยเออร์ เข้าไป ทำให้ อังกฤษ ไล่ เยอรมัน มาเป็น 1-2

น.38 ไล่หลังมาเพียงแค่นาทีเดียว อังกฤษ น่าจะได้ประตูตีเสมอเป็นอย่างยิ่ง เมื่อ แลมพาร์ด ได้โอกาสสับไก ระยะประมาณ 25 หลา บอลพุ่งไปเช็ดคานบนแล้วตกลงมาข้ามเส้น เข้าประตูไปแล้ว แต่ว่า กรรมการ และ ผู้กำกับเส้น ไม่เป่าให้เป็นประตู ซึ่งดูจากภาพช้าจะเห็นว่า บอลข้ามเส้นไปแล้วชัดเจน

จบครึ่งแรก เยอรมัน ขึ้นนำ อังกฤษ 2-1

เริ่มเกมครึ่งหลังขึ้นมาไม่นาน ในนาทีที่ 47 ก็มีใบเหลืองแรกของเกมจนได้ เมื่อ อาร์เน่ ฟรีดริช ไปเสียบ เดโฟ บริเวณ กลางสนาม

นาทีที่ 52 อังกฤษ เกือบได้ประตูตีเสมอเป็นอย่างยิ่ง เป็นโอกาสจากลูกฟรีคิก ที่ อาร์เน่ ฟรีดริช ไปทำฟาวล์ รูนี่ย์ ระยะประมาณ 35 หลา เป็น แลมพาร์ด ที่รับหน้าที่สังหาร บอลพุ่งอย่างแรง ไปชนคานเต็มๆ อังกฤษ พลาดโอกาสตีเสมออย่างที่สุด

น.59 โธมัส มุลเลอร์ เลี้ยงบอลเจาะทะลุ แผงหลัง อังกฤษ จนมีโอกาสได้สับไก ระยะประมาณ 18 หลา หน้ากรอบเขตโทษแต่บอลออกข้างไปนิดเดียว

น.61 อังกฤษ มีโอกาสได้ประตูตีเสมออีกครั้ง เมื่อ รูนี่ย์ ได้โอกาสป้ายบอลไปให้ เจมส์ มิลเนอร์ ที่สอดขึ้นมาทางกราบขวา ขึ้นมายิงระยะประมาณ 18 หลา หน้ากรอบเขตโทษ ทางฝั่งขวา แต่ไปติดบล็อกของ ฟรีดริช ออกข้างไป

น.64 คาเปลโล่ เปลี่ยนตัวเป็นคนแรกของเกมจนได้ เมื่อเอา โจ โคล ลงมาแทนที่ของ เจมส์ มิลเนอร์ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนตามตำแหน่ง

และจากจังหวะโต้กลับของ เยอรมัน ก็มาได้ผล เมื่อ แลมพาร์ด ยิงฟรีคิกไปติดกำแพง ก่อนที่ เยอรมัน จะโต้กลับ และเป็น บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ ป้ายบอลไปให้ มุลเลอร์ ที่สอดขึ้นมาซัดในกรอบเขตโทษทางฝั่งขวา ผ่านตัว เจมส์ เข้าไป อย่างสวยงาม เยอรมัน ขึ้นนำห่าง อังกฤษ เป็น 3-1 ในนาทีที่ 67

น.70 เกมโต้กลับของ เยอรมัน ทำให้ "อินทรีเหล็ก" ฉีกหนี อังกฤษ ไปเป็น 4-1 เมื่อ ฟรีดริช วางบอลยาวมาให้ โอซิล กระชากทางกราบซ้าย หนี แบร์รี่ ก่อนป้ายไปทางขวาหน้าปากประตู ให้ มุลเลอร์ ที่สอดขึ้นมายิงง่ายๆ เข้าไป สกอร์เปลี่ยนเป็น อังกฤษ 1-4 เยอรมัน 

น.81 อังกฤษ น่าจะได้ประตูไล่มาเป็นอย่างยิ่ง เมื่อ รูนี่ย์ ทำชิ่งจังหวะหนึ่ง-สอง กับ เจอร์ราร์ด ก่อนที่ เจอร์ราร์ด จะหลุดเข้าไปยิง แต่ นอยเออร์ ก็ยังไว พุ่งปัดออกไปได้เหลือเชื่อ

หลังจากนั้น อังกฤษ ก็มาได้โอกาสไล่ตามมาห่างๆ เมื่อ แลมพาร์ด ได้สับไก ระยะ 30 หลา แต่ นอยเออร์ ยังกระโดดรับเอาไว้ทัน

จบเกม อังกฤษ แพ้เละต่อ เยอรมัน 1-4 ส่งให้ เยอรมัน ทะลุเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้าย ไปพบคู่ระหว่าง อาร์เจนติน่า กับ เม็กซิโก ในวันเสาร์ที่ 3 ก.ค. นี้ เวลา 21.00 น.

แมน ออฟ เดอะ แมตช์ : โธมัส มุลเลอร์ (เยอรมัน)

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนามของทั้งสองทีม
ทีมชาติ อังกฤษ ระบบ 4-4-2

ผู้รักษาประตู : เดวิด เจมส์
กองหลัง : เกล็น จอห์นสัน (ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์ 87), แมทธิว อัพสัน, จอห์น เทอร์รี่, แอชลี่ย์ โคล
กองกลาง : เจมส์ มิลเนอร์ (โจ โคล 64), แฟร้งค์ แลมพาร์ด, แกเร็ธ แบร์รี่, สตีเว่น เจอร์ราร์ด (กัปตันทีม)
กองหน้า : เวย์น รูนี่ย์, เจอร์เมน เดโฟ (เอมิล เฮสกี้ 71)
ผู้จัดการทีม : ฟาบิโอ คาเปลโล่

ทีมชาติ เยอรมัน ระบบ 4-2-3-1
ผู้รักษาประตู : มานูเอล นอยเออร์
กองหลัง : ฟิลิปป์ ลาห์ม (กัปตันทีม), แพร์ แมร์เตซัคเกอร์, อาร์เน่ ฟรีดริช, เยโรม บัวเต็ง
กองกลาง : บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, ซามี่ เคดิร่า, โธมัส มุลเลอร์ (พิโอเตอร์ โทรชอฟสกี้ 72), เมซุต โอซิล (สเตฟาน คีสลิ้งค์ 83), ลูคัส โพดอลสกี้
กองหน้า : มิโรสลาฟ โคลเซ่ (มาริโอ โกเมซ 72)
ผู้จัดการทีม : โยอัคคิม เลิฟ

ผู้ตัดสิน : จอร์เก้ ลาร์ริออนด้า (อุรุกวัย)

เมือง&สนามบอล
ตารางคะแนน
  • A
  • B
  • C
  • D
  • E
  • F
  • G
  • H
    หากไม่มีการระบุเวลาการแข่งขันใด ให้ยึดเวลาของ GMT+0800 เป็นหลักเท่านั้น
    เวบไซด์นี้สงวนลิขสิทธิ์โดย www.7mth.com Copyright © 2003 -