7M SPORTS เพิ่มเป็นไซต์โปรด 
อัซซูรี่ร่วง!สโลวักเฉือน3-2ปารากวัยเจ๊าคว้าแชมป์กลุ่ม F
24/06/2010  ที่มา  sportfm
ขนาด: A A A

บอลโลกกาฬทวีปนัดสุดท้ายกลุ่มเอฟลุ้นจนนาทีสุดท้าย "วิตเท็ค" เบิ้ล - "กวายาเรล่า" ซัดปิดกล่อง ให้ "สโลวาเกีย" หักคอ "อิตาลี" 3-2 คว้าที่ 2 กลุ่มเอฟ ลิ่ว 16 ทีม ส่วน "อัซซูรี่" ร่วงตกรอบพร้อมกับตำแหน่งบ๊วยของกลุ่ม อีกคู่ ปารากวัย คว้าแชมป์กลุ่มได้สำเร็จ หลัง ผลัดรุก-รับ นิวซีแลนด์ ทั้ง 90 น. แต่ไร้สกอร์


การแข่งขันฟุตบอลโลก ฉบับกาฬทวีป รอบแรก นัดสุดท้าย กลุ่มเอฟ ประจำค่ำคืนที่ 24 มิ.ย. ทำการแข่งขันพร้อมกัน 2 คู่ ในเวลา 21 .00 น. ตามเวลาประเทศไทย โดยสถานการณ์ของกลุ่มนี้ ทั้ง 4 ทีมยังมีโอกาสในการลุ้นเข้ารอบต่อไป

อิตาลี - สโลวาเกีย

ที่สนาม เอลลิส ปาร์ค เมืองโจฮันเนสเบิร์ก ระหว่าง อิตาลี รองจ่าฝูงของกลุ่ม แข่ง 2 นัด เก็บได้ 2 คะแนน ลงสนามทำศึกชี้ชะตากับ สโลวาเกีย ทีมบ๊วยที่ยังมีโอกาสเข้ารอบ แข่ง 2 นัด มี 1คะแนน

มาร์เชลโล่ ลิปปี้  ไม่สามารถเรียกใช้บริการ จานลุยจิ บุฟฟ่อน ลงสนามช่วยทีมได้ เนื่องจากยังมีปัญหาอาการบาดเจ็บบริเวณหลังตามรุมเร้าเล่นงานอยู่  ต้องส่ง เฟเดริโก้ มาร์เค็ตติ นายด่านจากกายารี่ลงเฝ้าเสาแทน ขณะที่ อันเดรีย ปีร์โล่ จอมทัพตัวเก๋าจาก เอซี มิลาน มีปัญหา โดย นัดนี้ จัดการพัก อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ แล้วส่ง อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่ ลงตั้งแต่นาทีแรก ส่วน วิเชนเชนโซ่ ยาควินต้า ยังคงได้รับโอกาสต่อไป

วลาดิเมียร์ ไวสส์ ได้รับข่าวดี เมื่อ มิโรสลาฟ สต็อช กองกลางดาวรุ่งจากเฟเนร์บาห์เช่หายดีและได้ลงสตาร์ทตั้งแต่นาทีแรกสำหรับเกมนี้ ขณะที่ในส่วนของผู้เล่น 23 คนชุดลุยศึก ฟุตบอลโลก 2010 คนอื่น ๆ ที่เหลือนอกเหนือจากนี้ ทุกคนยังคงถือว่าอยู่กันครบ และพร้อมที่จะลงเล่นให้กับทีมได้ทั้งหมดตามปกติ โดยในระบบ 4-2-3-1 ของทีม เกมนี้ สตานิสลาฟ เซ็สตัค และวลาดิเมียร์ ไวสส์ ตัวริมเส้นดาวรุ่งจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ถูกดร็อป เพื่อเปิดทางให้ทั้ง แยน โคแซ็ค หอกจากชาลเก้ และ ยูรัช คุชก้า มิดฟิลด์จากสปาร์ต้า ปราก ลงทำหน้าที่ ร่วมกับ   มาเร็ค ฮัมซิค เพลย์เมคเกอร์กัปตันทีม และ โรเบิร์ต วิตเท็ค จอมบุกมากประสบการณ์จากอันคารากูคู

ฮาเวิร์ด เว็บบ์ ผู้ตัดสินจากอังกฤษ เป่านกหวีดเริ่มเกมการแข่งขันยังไม่ถึง 1 น. "อัซซูรี่" ได้ทักทายก่อน จากการหาจังหวะยิงระยะกว่า 30 หลา หน้าเขตโทษของ อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่ บอลพุ่งแรงเหินข้ามคาน ถัดมา 2 น.  จอร์โจ้ คิเอลลินี่ วางบอลยาวขึ้นมาหน้าเขตโทษ ซิโมเน่ เปเป้ พักบอลหนึ่งจังหวะและไหลต่อให้ ยาควินต้า ทะลุเข้าไปสับไกในกรอบเขตโทษฝั่งซ้าย บอลพุ่งหลุดกรอบแบบน่าผิดหวัง

น.7 จากจังหวะวางบอลยาวของแนวรับมาที่กรอบเขตโทษ โรเบิร์ต วิตเท็ค โหม่งชงต่อให้  ฮัมซิค  ได้ซัดเต็มเท้าขวาบริเวณจุดโทษ บอลพุ่งเป็นจรวดหลุดเสาขวาออกไปไม่ไกล

น.15 มาเร็ค ฮัมซิค ได้โอกาสทะลุไปถึงเส้นหลังฝั่งซ้าย ตวัดด้วยซ้ายเข้ากลาง เฟเดริโก้ มาร์เค็ตติ ตัดสินใจออกมาตะครุบบอลไว้ได้ก่อนที่ บอลจะมาถึง  โรเบิร์ต วิตเท็ค ที่รอเข้าชาร์ทอยู่กลางปากประตู ถัดมา 2 น. เซโน่ สเตอร์บา รับใบเหลืองเป็นคนแรกของเกม หลังไปตัดฟาวล์หนักใส่ เจนนาโร่ กัตตูโซ่

เกมการแข่งขันในช่วง 20 น. แรก ทั้งสองทีมยังระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่ผลีผลามที่จะเปิดเกมรุกเข้าใส่กัน ทำให้โอกาสในการทำประตูยังมีไม่มากนัก

น.25  อัซซูรี่โดนสอย! กัตตูโซ่ เสียท่าโดน มาเร็ค ฮัมซิค โฉบตัดบอลหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนที่จะไหลทะลุช่องให้  โรเบิร์ต วิตเท็ค ล้มตัวสับไกด้วยขวาบอลพุ่งเข้าประตูไปอย่างสวยงาม สโลวาเกีย 1-0 อิตาลี

น.35 จากลูกฟรีคิก ระยะประมาณ 40 หลาทางกราบขวา  ราโดสลาฟ ซาบาฟนิค เขี่ยบอลให้ เซโน่ สเตอร์บา มิดฟิลด์จอมเก๋าวัย 34 ปี วิ่งเข้ามาซัดเต็มแรงด้วยเท้าขวา บอลพุ่งส่ายเข้าหาประตู ทว่า เฟเดริโก้ มาร์เค็ตติ ไม่พลาดลอยตัวทุบออกหลังหวุดหวิด

น.42 เกมต้องหยุดไปกว่า 2 น. เมื่อ  เซโน่ สเตอร์บา โดน กัตตูโซ่ พุ่งเสียบยกล้อ จนได้แผลที่บริเวณหัวเข่าซ้ายที่มีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ และทำท่าว่าจะเล่นต่อไม่ไหว แต่สุดท้ายก็ลุกขึ้นมาบู๊ต่อได้ หลังจากนั้นไม่มีทีมใดสร้างจะหวะลุ้นประตูเพิ่มเติมได้ จบครึ่งแรก อิตาลี 0-1 สโลวาเกีย

ช่วง 10 น.แรกของครึ่งหลัง อิตาลี ยังไม่สามารถสร้างเกมรุกได้ถนัดนัก กระทั่ง น.56 ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่ จ่ายตัดหลังแนวรับให้ อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่  หลุดเข้าไปซัดในกรอบเขตโทษฝั่งขวา บอลพุ่งหลุดกรอบ ถัดจากนั้น ลิปปี้ ตัดสินใจ ถอด ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่ แล้วส่ง อันเดรียส ปีร์โล่ มิดฟิลด์คนสำคัญที่เพิ่งเรียกความฟิตมาได้ลงสร้างสรรค์เกมรุกแทน

น.62 วินเชนโซ่ ยาควินต้า ครองบอลหน้ากรอบเขตโทษฝั่งซ้าย ก่อนจะตบเข้ากลางให้ อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่  ซัดเต็มเท้าขวา แต่ก็ยังคลำเป้าไม่เจอ หลุดกรอบออกไปอีกครั้ง

น.69 สโลวาเกียโต้กลับเร็ว! มิโรสลาฟ สต็อช ลากบอลดวลเดี่ยวกับ ฟาบิโอ คันนาวาโร่ ก่อนจะตัดสินใจปั่นโค้งด้วยขวาหน้าเขตโทษ บอลโค้งหลุดเสาไกล

น. 73  แฟนมะกะโรนีช็อก! จากจังหวะลูกเตะมุมฝั่งขวา มาเร็ค ฮัมซิค เปิดโค้งมาที่เสาแรก  แนวรับอิตาลีโขกสกัดไม่ดี บอลกระดอนมาเข้าทาง ฮัมซิค เปิดเรียดไปที่เสาแรก โรเบิร์ต วิตเท็ค วิ่งเข้าชาร์ทด้วยขวาไม่เหลือซาก สโลวาเกีย หนีห่าง 2-0 และเป็นประตูที่ 3 ของเจ้าตัวในเกมนี้ ส่งผลให้ขึ้นไปรั้งดาวซัลโว ร่วมกับ กอนซ่าโล่ อิกวาอิน ทันที

น.81 อิตาลี มีหวังอีกครั้ง! ฟาบิโอ กวายาเรล่า ยิงไปติดมือ แยน มูช่า ปัดออกมาเข้าทางปืน  อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่ แปเน้นๆเข้าประตู ส่ง อิตาลี ไล่ตามมาเป็น 1-2 จากนั้นมีปัญหาระหว่าง มูช่า กับ กวายาเรล่า หลังแย่งบอลกันในประตูทำให้โดนใบเหลืองทั้งคู่

หลังจากได้ประตูตีตื้น อิตาลี พยายามโหมบุกอย่างหนัก  กระทั่งน.85  ฟาบิโอ กวายาเรล่า ตัวสำรองเข้าชาร์ทลูกเปิดจากฝั่งขวาส่งลูกสู่ก้นตาข่าย แต่ผู้ตัดสินเป่าเป็นลูกล้ำหน้า พลาดโอกาสตีเสมอไปอย่างน่าเสียดาย

น.89 สโลวาเกียตอกฝาโลง! จากลูกทุ่มไกลทางฝั่งขวา บอลลอยข้ามหัวแนวรับอิตาลีที่ยืนอยู่ 2-3 คน และเป็น คามิล โคปูเน็ค ที่เพิ่งถูกเปลี่ยนลงมาแค่ 2 น. ซัดผ่านตัว  เฟเดริโก้ มาร์เค็ตติ เข้าประตู ส่ง สโลวาเกีย ทิ้งห่าง 3-1

ช่วงทดเวลบาดเจ็บ อิตาลี มาได้ประตูปลอบใจจากการชิพบอลข้ามหัว  แยน มูช่า  เข้าประตูไปอย่างงดงาม อิตาลี 2-3 สโลวาเกีย แต่ก็ทำได้แค่นั้น จบเกม อิตาลี 2-3 สโลวาเกีย ส่งให้ "ขุนพลอัซซุรี่" ร่วงตกรอบแรกทันที

จากผลการแข่งขันในเกมนี้ทำให้ อิตาลี ร่วงตกรอบแรกพร้อมรั้งตำแหน่งบ๊วยของกลุ่ม ด้วยผลงาน แข่ง 3 นัด เก็บได้แค่ 2 คะแนน ส่วน สโลวาเกีย ได้สิทธิ์ลิ่วรอบ 16 ทีมสุดท้ายในฐานะทีมอันดับ2 แข่ง 3 นัด มี 4 คะแนน เพราะผลการแข่งขันอีกคู่ปรากกว่า ปารากวัย เสมอกับ นิวซีแลนด์ 0-0 ทำให้ปรากวัยมีเพิ่มเป็น 5 คะแนน คว้าแชมป์กลุ่มเอฟไปครองได้สำเร็จ


ผู้ตัดสิน : ฮาเวิร์ด เว็บบ์ จากอังกฤษ

รายชื่อนักเตะของทั้ง 2 ทีม
อิตาลี : 4-3-3

ผู้รักษาประตู : เฟเดริโก้ มาร์เค็ตติ  - จานลูก้า ซามบร็อตต้า, ฟาบิโอ คันนาวาโร่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่, โดเมนิโก้ คริสซิโต้ - ดานิเอเล่ เด รอสซี่, ริคคาร์โด้ มอนโตลิโว่ ,เจนนาโร่ กัตตูโซ่ - ซิโมเน่ เปเป้ , วินเชนโซ่ ยาควินต้า - อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่

สโลวาเกีย : 4-2-3-1
ผู้รักษาประตู : แยน มูช่า - ปีเตอร์ เปคาริค, มาร์ติน สเคอร์เทล, แยน ดูริก้า, ราโดสลาฟ ซาบาฟนิค  - ยูรัช คุชก้า, เซโน่ สเตอร์บา, มาเร็ค ฮัมซิค, มิโรสลาฟ สต็อช  - โรเบิร์ต วิตเท็ค,  เอริค เยนดริเซ็ค

 

ปารากวัย-นิวซีแลนด์

ที่สนาม ปีเตอร์ โมกาบา เมือง โพลอควาเน  ปารากวัย จ่าฝูงของกลุ่ม แข่ง 2 นัด มี 4 คะแนน  โคจรมาพบกับ นิวซีแลนด์ ที่แข่ง 2 นัด มี 2 คะแนน เท่ากับ อิตาลี 

เกมนี้ ปารากวัย เพียงเสมอก็ทะลุเข้ารอบ 16 ทีม แต่ไม่มี "อันโตลิน อัลคาราซ" ปราการหลังตัวเก่ง หลังเรียกความฟิตไม่ทัน เช่นเดียวกับ แดนกลาง "โจนาธาน ซานตานา" ยังเป็นแค่ตัวสำรอง ส่วนแนวรุก "โรเก ซานตา ครูซ" จับคู่ล่าตาข่ายกับ "ออสการ์ คาร์โดโซ"

ส่วน นิวซีแลนด์ ยังพอมีลุ้นเข้ารอบได้เช่นกัน โดยนัดนี้ "มาร์ค พาสตัน" ยังยึดมือ 1 ตามเดิมหลังโชว์ฟอร์มเหนียวหนึบ ด้านแนวรับ "ไรอัน เนลสัน" กัปตันทีมลงคุมเกมต่อไป แดนกลาง ลิโอ เบอร์โทส ทำเกมกับ โทนี ลอชเฮด ส่วนแนวรุก ใช้สามประสานเป็น"เชน สเมลต์ซ", "คริส คิลเลน" และ "รอรี  ฟัลลอน"

เริ่มเกมขึ้นมาในช่วงแรก เป็น นิวซีแลนด์ ที่มีโอกาสได้ลุ้นทำประตูก่อนจาก เชน สเมลต์ช จากจังหวะที่ ได้สับไกจากนอกรอบเขตโทษ แต่บอลลอยข้ามคาน ไปอย่างน่าผิดหวัง

ผ่านมาถึงนาทีที่ 14 เป็น ปารากวัย ที่มีโอกาสขึ้นนำบ้าง จากจังหวะฟรีคิกจากนอกกรอบเขตโทษทางฝั่งซ้าย จังหวะแรก กองหลังของ "กีวี" นิวซีแลนด์ โหม่งสกัดออกมาเข้าทาง เดนิส กานิซ่า วอลเล่ย์ เต็มกำลัง แต่บอลลอยโด่งออกไป

น.29 เดนิส กานิซ่า ได้โอกาสส่องประตูนำให้ ปารากวัย อีกครั้ง จากจังหวะ สับไกนอกกรอบเขตโทษ ยังไม่เป็นผล ข้ามคานเหมือนเดิม

น.36 เนลสัน วัลเดซ ได้ลองสับไก ก็ยังไปตรงตัว มาร์ค พาสตัน นายทวาร นิวซีแลนด์ รับเข้าซองเอาไว้ได้

หลังจากนั้น ทั้งสองทีมก็ไม่สามารถทำอะไรได้เพิ่มเติม จบครึ่งแรก เสมอกันอยู่ที่ 0-0

เริ่มครึ่งหลังขึ้นมา ทั้งสองทีมยังไม่มีการเปลี่ยนตัวแต่อย่างใด

น.48 นิวซีแลนด์ มีโอกาสได้จังหวะลุ้นประตูขึ้นนำ โทนี่ ล็อคเฮด ได้วางบอลมาจากฝั่งซ้ายเข้ากลางเข้ามา ไซม่อน เอลเลียตต์ ได้ซัดเต็มข้อแต่บอลออกหลังไป

ปารากวัย มาได้โอกาสในการขึ้นนำอย่างยิ่ง ในนาทีที่ 63 จากลูกเตะมุมทางฝั่งขวา เคลาดิโอ โมเรล รับบอลจากลูกเปิดเรียดเข้ามา ก่อนที่จะวางบอลมาที่หน้าปากประตู เป็น คริสเตียน รีเวรอส ได้โขกเต็มๆ แต่ มาร์ค พาสตัน ยังไว เชฟออกมาบอลไหลมาเข้าทาง วิคเตอร์ กาเซเรส ที่ได้ซ้ำ แต่ก็ยังไม่ตรงกรอบ

เกมล่วงเลยมาถึงนาทีที่ 81 โรเก้ ซานตา ครูซ รับหน้าที่ซัดบอลพุ่งน่ากลัว มาร์ค พาสตัน นายทวาร นิวซีแลนด์ ต้องออกแรงทุบบอลทิ้งไป

หลังจากนั้น ทั้งสองทีมไม่สามารถทำอะไรได้เพิ่มเติม

จบเกม ปารากวัย เสมอกับ นิวซีแลนด์ 0-0 เก็บแต้มรวมได้ 5 แต้ม จากสามนัด เป็นที่หนึ่งของสาย นำหน้า สโลวาเกีย ที่ตามมาเป็นอันดับสอง อยู่ แต้มเดียว ส่วน นิวซีแลนด์ เก็บได้ 3 แต้ม จากการเสมอทั้งสามนัด เป็นที่สามของสาย 

ผู้ตัดสิน : ยูชิ นิชิมูระ จากญี่ปุ่น

รายชื่อนักเตะทั้ง 2 ทีม

นิวซีแลนด์ : 3-4-3
ผู้รักษาประตู : มาร์ค พาสตัน; วินสตัน รีด, ไรอัน เนลเซ่น, ทอมมี่ สมิธ; เลโอ เบอร์ตอส, ไซม่อน เอลเลียตต์, อีวาน วิเชลิช, โทนี่ ล็อคเฮด; คริส คิลเล่น, รอรี่ ฟัลล่อน, เชน สเมลต์ซ

ตัวสำรอง : เบน ซิกมุนด์, ทิม บราวน์, เกลน มอสส์, แอนดี บาร์รอน, ไมเคิล แม็คกลินชีย์, อารอน แคลป์แฮม,​ เดฟ มัลลิแกน, แอนดรูว์ บอยส์, คริส วูด,​ เฌเรมี คริสตี, เฌเรมี บร็อกคี, เจมส์ บันนาไทน์

ปารากวัย : 4-3-3 
ผู้รักษาประตู : ฮุสโต้ วีย่าร์ -เดนิส กานิซ่า, เปาโล ดา ซิลวา, ฮูลิโอ เซซ่าร์ กาเซเรส, เคลาดิโอ โมเรล - เอ็นริเก้ เวร่า, วิคเตอร์ กาเซเรส, คริสเตียน รีเวรอส - เนลสัน วัลเดซ, โรเก้ ซานตา ครูซ, ออสการ์ คาร์โดโซ่

ตัวสำรอง : ดาริโอ เวรอน, คาร์ลอส โบเนต์, เอ็ดการ์ บาร์เรโต, เอ็ดการ์ เบนิเตซ, โจนาธาน ซานตานา, ดีเอโก บาร์เรโต, ตอร์เรส, ลูคัส บาร์ริออส, เนสเตอร์ ออร์ติโกซา, อันโตลิน อัลคาราซ, อัลโด โบบาดิลญา, โรโดลโฟ กามาร์รา

เมือง&สนามบอล
ตารางคะแนน
  • A
  • B
  • C
  • D
  • E
  • F
  • G
  • H
    หากไม่มีการระบุเวลาการแข่งขันใด ให้ยึดเวลาของ GMT+0800 เป็นหลักเท่านั้น
    เวบไซด์นี้สงวนลิขสิทธิ์โดย www.7mth.com Copyright © 2003 -