7M SPORTS เพิ่มเป็นไซต์โปรด 
อินทรีควงกานาเข้า16ทีม ชนสิงโตแมตช์หยุดโลก
24/06/2010  ที่มา  sportfm
ขนาด: A A A

ศึก ฟุตบอลโลก 2010 กลุ่ม ดี ได้บทสรุปเป็นที่เรียบร้อย เยอรมัน กอดคอ กานา ผ่านเข้ารอบต่อไป หลังจากที่ "อินทรีเหล็ก" เชือด "ดาวดำ" 1-0 แต่ทว่า "เซิร์บ" กลับทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ พ่ายแพ้ ออสเตรเลีย ในนัดสุดท้าย 1-2 กอดคอกันตกรอบ โดย เยอรมัน จะเข้าไปชนกับ อังกฤษ และ กานา จะเข้าไปชนกับ สหรัฐอเมริกา


การแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2010 รอบสุดท้าย ของวันพุธที่ 23 มิถุนายน ทำการแข่งขันในเวลา 01.30 น. (ตามเวลาประเทศไทย) เป็นการแข่งขันในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่ม กลุ่มดี ทำการแข่งขันพร้อมกันสองคู่ ระหว่าง "อินทรีเหล็ก" เยอรมัน กับ "ดาวดำ" กานา และ "ซอคเกอร์รูส์" ออสเตรเลีย กับ "เซิร์บ" เซอร์เบีย

กลุ่มดี ขณะนี้ กานา เป็นทีมอันดับหนึ่งของกลุ่มมีอยู่ 4 แต้ม จากสองนัด ขอเพียงแค่เสมอกับ เยอรมัน ที่มีสามแต้ม ก็จะผ่านเข้ารอบเลย ส่วน เยอรมัน ต้องชนะเท่านั้น เพื่อการันตีการผ่านเข้ารอบ ส่วน เซอร์เบีย ที่มีอยู่สามแต้มเท่ากับ เยอรมัน ก็ต้องเอาชนะ ออสเตรเลีย ให้ได้ เพื่อการันตีการผ่านเข้ารอบ โดยไม่ต้องไปดูผลอีกคู่ ในขณะที่ ออสเตรเลีย นั้น ต้องชนะสถานเดียวและต้องไปลุ้นอีกคู่ไม่ให้ เสมอกัน ถึงจะมีสิทธิเข้ารอบ

"อินทรีเหล็ก" เยอรมัน - "ดาวดำ" กานา

เกมคู่นี้ทำการแข่งขันกันที่สนาม ซอคเกอร์ ซิตี้ สเตเดี้ยม ในเมือง โจฮันเนสเบิร์ก ประเทศแอฟริกาใต้ วันนี้ เยอรมัน ของ โยอัคคิม เลิฟ ส่งผู้เล่นลงสนามอย่างเต็มสูบ เปลี่ยนแปลงสองตัว โดยเอา เยโรม บัวเต็ง ลงสนามมาประชันกับพี่ชายแท้ๆ ที่อยู่ขั้วตรงข้าม อย่าง เควิน ปรินซ์-บัวเต็ง โดย บัวเต็ง ผู้น้อง ถูกส่งลงมาเป็น แบ็คซ้าย แทนที่ บาดสตูเบอร์ ส่วนแดนหน้า คาเคา ได้รับโอกาสมาลงสนามเป็นตัวจริงแทนที่ มิโลสลาฟ โคลเซ่ ที่ติดโทษแบนจากการโดนใบแดงในนัดที่ แพ้ เซอร์เบีย 0-1

ส่วน กานา ของเฮดโค้ช มิโลวาน ราเยวัช แทบไม่เปลี่ยนตัวผู้เล่นเลยจากนัดที่แล้ว มีเพียงแค่ โจนาธาน เมนซาห์ ที่ได้ลงมาเล่น ปราการหลังตัวกลาง แทนที่ ไอแซ็ค วอร์ซาห์ ที่มีอาการบาดเจ็บอยู่ ส่วนตำแหน่งตัวหลักอื่นๆ ยังอยู่กันครบครัน โดยกองหลังนำโดย จอห์น เมนซาห์ ที่เป็น กัปตันทีม ควบคู่ไปด้วย ส่วนตัวสร้างสรรค์เกมรุกเป็นหน้าที่ของ เควิน ปรินซ์-บัวเต็ง และ ควัดโว่ อซาโมอาห์ ในขณะที่แดนหน้า ยังคงเป็น กียาน ที่ซัดลูกจุดโทษไปแล้วสองลูกในทัวร์นาเมนต์นี้

เริ่มเกมขึ้นมาไม่นาน ในนาทีที่ 9 เป็น "อินทรีเหล็ก" ได้จังหวะลุ้นทำประตุก่อนจาก ลูคัส โพดอลสกี้ ที่สอดขึ้นมาทางกราบซ้าย ตัดสินใจซัด แต่ไม่ติดบล็อกของ โจนาธาน เมนซาห์ ก่อนที่จังหวะสุดท้าย ริชาร์ด คิงส์สัน จะทุบบอลออกไปได้ทันเวลา

เกมล่วงเลยมาถึงนาทีที่ 24 เยอรมัน น่าจะได้ประตูตีเสมออย่างยิ่ง เมื่อ เมซุต โอซิล ปีกจรวด ได้บอลหลุดเดี่ยวขึ้นไปทางกราบขวา โล่งๆ เดี่ยวๆ คนเดียว ก่อนจะลากเข้ากรอบเขตโทษ และแปบอล หวังผ่านตัว คิงส์ตัน แต่ไม่ผ่าน ผู้รักษาประตู กานา บล็อกลูกยิงนี้เอาไว้ได้ทันเวลาอีกครั้ง

หลังจากนั้น เกมของทั้งสองทีม โต้ไปโต้มาอย่างสนุก จนมาถึงนาทีที่ 40 อังเดร อายิว ก็มาได้ใบเหลืองแรกของเกม จาก คาร์ลอส ซิมอน ตุลาการสนามจาก บราซิล และจากจังหวะต่อเนื่อง เยอรมัน ได้ฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ รับหน้าที่เปิด ไปในกรอบ แมร์เตซัคเกอร์ โดดขึ้นขวิด แต่ คิงส์ตัน ยังไวปัดออกไปได้

หลังจากนั้น ทั้งสองทีม ไม่สามารถทำอะไรกันได้เพิ่มเติม จนจบครึ่งแรก เสมอกันอยู่ที่ 0-0

เริ่มต้นครึ่งหลังขึ้นมาในช่วงแรกๆ ทั้งสองทีมยังไม่ค่อยสามารถทำอะไรกันได้ เท่าที่ควร

เกมดำเนินมาถึงนาที 60 ประตูแรกของ "อินทรีเหล็ก" ก็มาได้จนได้ จากการยิงไกลของ เมซุต โอซิล ซัดด้วยซ้าย ระยะประมาณ 25 หลา ตุงตาข่าย เยอรมัน ขึ้นนำ กานา 1-0

นาทีที่ 66 กานา น่าจะได้ประตูตีเสมออย่างยิ่ง แต่ ฟิลิปป์ ลาห์ม ยังโชว์ฟอร์มอย่างยอดเยี่ยม สกัดลูกยิงของ อองเดร อายิว ที่ซัดด้วยซ้ายระยะประมาณ 10 หลา หน้าปากประตู โล่งๆ ไปได้อย่างเหลือเชื่อ

หลังจากนั้น ทั้งสองทีมไม่สามารถทำเกมรุกกันได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจาก รู้ผลการแข่งขันของอีกคู่หนึ่ง และถ้าจบแบบนี้ จะทำให้ ทั้งสองทีม เข้ารอบต่อไปด้วยกัน และจบการแข่งขัน ไม่มีการทำประตูเพิ่มเติม เยอรมัน เอาชนะ กานา ได้ 1-0

และผ่านเข้ารอบเป็นที่หนึ่งของกลุ่ม ดี ไปเจอกับ อังกฤษ ที่สอง กลุ่ม ซี ส่วน กานา ผ่านเข้ารอบเป็นที่สอง ของ กลุ่ม ดี ไปเจอกับ สหรัฐอเมริกา ที่หนึ่งกลุ่ม ซี

แมน ออฟ เดอะ แมตช์ : เมซุต โอซิล (เยอรมัน)

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนามของทั้งสองทีม
ทีมชาติ เยอรมัน ระบบ 4-2-3-1
ผู้รักษาประตู : มานูเอล นอยเออร์
กองหลัง : ฟิลิปป์ ลาห์ม (กัปตันทีม), แพร์ แมร์เตซัคเกอร์, อาร์เน่ ฟรีดริช, เยโรม บัวเต็ง
กองกลาง : บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, ซามี่ เคดิร่า, โธมัส มุลเลอร์, เมซุต โอซิล, ลูคัส โพดอลสกี้
กองหน้า : คาเคา
ผู้จัดการทีม : โยอัคคิม เลิฟ

ทีมชาติกานา ระบบ 4-4-2
ผู้รักษาประตู : ริชาร์ด คิงส์ตัน
กองหลัง : จอห์น แพนท์ซิล, จอห์น เมนซาห์ (กัปตันทีม), ฮันส์ ชาร์ไป, โจนาธาน เมนซาห์
กองกลาง : แอนโทนี่ อันนาน, เควิน ปรินซ์-บัวเต็ง, อังเดร อายิว, ควัดโว่ อซาโมอาห์
กองหน้า : กียาน อซาโมอาห์, ปรินซ์ ทาโก้, อังเดร อายิว
ผู้จัดการทีม : มิโลวาน ราเยวัช

ผู้ตัดสิน : คาร์ลอส ซิมอน (บราซิล)

 

เซอร์เบีย - ออสเตรเลีย

เกมคู่นี้ทำการแข่งขันกันที่สนาม บอมเบล่า สเตเดี้ยม ในเมือง เนลสปริท ประเทศแอฟริกาใต้ วันนี้ เซอร์เบีย ของ ราโดเมียร์ อันติช จัดทีมลงมาเต็มสูบ ได้ อเล็กซานเดอร์ ลูโควิช พ้นแบนจากใบแดงในนัดแรกลงสนามมา ยืนคุมเกมรับแต่ แบ็ก

ซ้ายตัวจริงอย่าง โคลารอฟ วืดลงสนาม แต่ได้ อิวาน โอบราโดวิช ลงมาเล่นแทน ขณะที่ ตัวสร้างสรรค์เกมรุก ยังคงใช้งาน เดยัน สแตนโกวิช สตาร์จาก อินเตอร์ มิลาน และ มิลอส คราซิช เป็นหลัก ส่วนกองหน้าปรับมาเป็นหน้าเดี่ยว ใช้ นิโกล่า ซิกิช ยืนหน้าเป้า ตัวเดียว

ในขณะที่ ออสเตรเลีย ของ พีม เวอร์บีค นัดนี้ได้ ทิม เคฮิลล์ ลงสนามมาเล่นหลังพ้นโทษแบนจากใบแดงในนัดแรก แต่ก็ขาด แฮร์รี่ คีเวลล์ ที่โดนใบแดงในนัดที่แล้ว โดย ใช้ระบบ 4-2-3-1 มี โจชัว เคนนาดี้ เป็นกองหน้าตัวเป้า และมีตัวสนับสนุนอย่าง เบร็ตต์ เอเมอร์ตัน, มาร์ค เบรสชาโน่ และ ทิม เคฮิลล์ ที่คอยเชื่อมเกม ขณะที่แดนหลังยังคงมี ลูคัส นีลล์ กัปตันทีมพันธุ์แกร่ง ยืยคุมแนวรับ เช่นเคย

เริ่มเกมในช่วงครึ่งแรก ในนาทีที่ 5 เซอร์เบียได้ลุ้นประตูก่อนจากจังหวะที่ มิลอส คราซิช ลากบอลมาทางกราบขวา ก่อนตัดสินใจซัดแต่ มาร์ค ชวาร์เซอร์ ยังไว ตะครุบเอาไว้ได้

น.12 เซอร์เบีย ได้จังหวะโต้กลับ มิลอส คราซิช ได้บอลยาวจากทางกลางสนามในกราบขวา ก่อนจะใช้ความเร็วกระชากบอลหนีกองหลัง และเข้าไปในเขตโทษ ก่อนซัดไปติดตัว มาร์ค ชวาร์เซอร์ ที่ยังไวออกมาตัดบอลได้อีกครั้ง

น.32 เป็น ออสเตรเลีย บ้างที่มีโอกาสลุ้นทำประตู จากจังหวะที่ มาร์ค เบรสชาโน่ วางบอลจากทางกราบซ้ายเข้าไปในกรอบเขตโทษ ทิม เคฮิลล์ ขึ้นโขกบอลแย่งจากกองหลัง เซอร์เบีย ได้ แต่ บอลลอยโด่งออกหลังไป

น.37 เซอร์เบีย บุกอย่างต่อเนื่องและมาได้โอกาสยิงประตูอีกครั้งจาก จังหวะที่ เดยัน สแตนโกวิช จ่ายบอลทะลุช่องมาที่หน้าปากประตู เป็น มิลอส คราซิช สตาร์ เซอร์เบีย วิ่งเข้ามาซัดด้วยขวา ผ่านมือของ มาร์ค ชวาเซอร์ แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงให้เป็นลูกล้ำหน้า

หลังจากนั้น ทั้งสองทีมไม่สามารถทำอะไรกันได้เพิ่มเติม จนจบครึ่งแรก ออสเตรเลีย ยังเสมอกับ เซอร์เบีย 0 ประตูต่อ 0

เริ่มต้นครึ่งหลังขึ้นมาไม่นาน ในนาทีที่ 50 เป็นจังหวะที่ เดวิด คาร์นี่ย์ กระโดดโหม่ง ตั้งให้ ทิม เคฮิลล์ ซัดเน้นๆ นอกกรอบเขตโทษ แต่บอลข้ามคานออกไป

น.58 ออสเตรเลียมาได้ลูกฟรีคิก เป็น มาร์ค เบรสชาโน่ ที่รับหน้าที่สังหารลูกนี้ บอลพุ่งกระดอนพื้นและเป็น วลาดิเมียร์ สตอยโกวิช ที่ไว ปัดออกไปได้

ในที่สุดประตูแรกของเกมก็มาเกิดขึ้นจนได้ ในนาทีที่ 69 จากจังหวะสวนกลับขึ้นมาทางกราบขวาของ ออสเตรเลีย ทางกราบขวา ก่อนที่จะเปิดบอลโค้งมาที่หน้าประตู และเป็น ทิม เคฮิลล์ ที่กระโด แย่งโหม่งเข้าประตูไป ออสเตรเลีย ขึ้นนำ เซอร์เบีย 1-0

อีกเพียงแค่ ออสเตรเลีย มาได้ประตูหนีห่างออกไปอีกเป็น 2-0 ในนาทีที่ 73 จากจังหวะที่ โฮลแมน ดาวเตะตัวสำรอง ได้บอลจากกลางสนาม ก่อนลากจี้ขึ้นมาหน้ากรอบเขตโทษ ระยะประมาณ 30 หลา แล้วซัดด้วยซ้าย เต็มข้อ เข้าไปอย่างสวยงาม

นาที 83 เซอร์เบีย ได้ประตูตามขึ้นมาเป็น 1-2 จากจังหวะที่ โซรัน โทซิช ดาวเตะตัวสำรอง ซัดจากนอกกรอบเขตโทษทางด้านขวา มาร์ค ชวาร์เซอร์ ปัดออกมาเข้าทาง มาร์โก้ พานเทลิช ที่ซ้ำดาบสองเข้าไป

แต่หลังจากนั้นทั้งสองทีมไม่สามารถทำอะไรได้เพิ่มเติม จนจบเกม ออสเตรเลีย เอาชนะ เซอร์เบีย ไป 2-1 กอดคอกันตกรอบไปทั้งคู่

แมน ออฟ เดอะ แมตช์ : ทิม เคฮิลล์ (ออสเตรเลีย)

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนามของทั้งสองทีม
ทีมชาติเซอร์เบีย ระบบ 4-5-1
ผู้รักษาประตู : วลาดิเมียร์ สตอยโกวิช
กองหลัง : บรานิสลาฟ อิวาโนวิช, เนมานย่า วิดิช, อเล็กซานเดอร์ ลูโควิช, อิวาน โอบราโดวิช
กองกลาง : เดยัน สแตนโกวิช (กัปตันทีม), ซดราฟโก้ คุซมาโนวิช, มิลอส คราซิช, มิลาน โยวาโนวิช, มิลอส นินโควิช
กองหน้า : นิโกล่า ซิกิช
ผู้จัดการทีม : ราโดเมียร์ อันติช

ทีมชาติ ออสเตรเลีย ระบบ 4-2-3-1
ผู้รักษาประตู : มาร์ค ชวาร์เซอร์
กองหลัง : ลุค วิลเชียร์, ไมเคิ่ล บีแชมป์, ลูคัส นีลล์ (กัปตันทีม), เดวิด คาร์นี่ย์
กองกลาง : คาร์ล วาเลอรี่, เบร็ตต์ เอเมอร์ตัน, มาร์ค เบรสชาโน่, เจสัน คูลิน่า, ทิม เคฮิลล์
กองหน้า : โจชัว เคนนาดี้
ผู้จัดการทีม : พีม เวอร์บีค

ผู้ตัดสิน : ฮอร์เก้ ลาร์ริออนด้า (อุรุกวัย)

เมือง&สนามบอล
ตารางคะแนน
  • A
  • B
  • C
  • D
  • E
  • F
  • G
  • H
    หากไม่มีการระบุเวลาการแข่งขันใด ให้ยึดเวลาของ GMT+0800 เป็นหลักเท่านั้น
    เวบไซด์นี้สงวนลิขสิทธิ์โดย www.7mth.com Copyright © 2003 -