ช็อคแฟนบอล "กระทิงดุ" สเปน ที่ลงเล่นนัดแรกใน ฟุตบอลโลก ทำผลงานได้งามหน้ามาก พ่ายให้กับ "นาฬิกา" สวิตเซอร์แลนด์ 0-1 ส่งผลให้ สวิตเซอร์แลนด์ กอดคอ ชิลี ขึ้นนำจ่าฝูงร่วม ในกลุ่มเอช หลังจบเกมนัดแรกของ รอบแรก ศึกฟุตบอลโลก 2010 ที่ประเทศแอฟริกาใต้

การแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2010 รอบสุดท้าย คู่ที่สอง ของวันพุธที่ 16 มิถุนายน ทำการแข่งขันในเวลา 21.00 น. (ตามเวลาประเทศไทย) เป็นการแข่งขันในกลุ่มเอช ซึ่งเป็นคู่สุดท้ายของนัดแรก ในรอบแรก ระหว่างทีมชาติ "กระทิงดุ" สเปน พบกับ ทีมชาติ "นาฬิกา" สวิตเซอร์แลนด์ ทำการแข่งขันกันที่สนาม เดอร์บัน สเตเดี้ยม เมืองเดอร์บัน ประเทศแอฟริกาใต้

"กระทิงดุ" สเปน ยอดทีมจากยุโรป ที่พกดีกรีแชมป์ ยูโร 2008 มาด้วย และทัพ สเปน ก็ยังเป็นเต็งหนึ่งใน เวิลด์คัพ ครั้งนี้ด้วย สเปน เล่นเกมอุ่นเครื่อง 5 นัด หลังสุด ชนะรวด ยิงได้ถึง 17 ลูก ในนัดล่าสุด ถล่ม โปแลนด์ มาได้ 6-0 ส่วน ขุนพล "นาฬิกา" สวิตเซอร์แลนด์ อุ่นเครื่อง 4 เกมหลังสุด ผลงานค่อนข้างแย่ แพ้ถึงสามนัด เสมออีกหนึ่งนัด โดยนัดล่าสุดที่เสมอนั้น ทำผลงานได้ดีพอสมควร เนื่องจากเสมอทีม อดีตแชมป์โลก 4 สมัย อย่าง อิตาลี 1-1

สเปน วันนี้ บิเซนเต้ เดล บอสเก้ จัดทัพ "กระทิงดุ" ลงสนามอย่างเต็มสูบ ด้วยระบบ 4-5-1 ขาดเพียงแค่ เฟร์นานโด ตอร์เรส กับ เชส ฟาเบรกาส ที่อยู่ในสภาวะพักฟื้นให้ฟิตเต็มที่จากอาการบาดเจ็บ โดย บุสเกตต์ ได้รับหน้าที่เป็นกองกลางแทน ส่วนกองหน้าใช้ บีย่า ยืนเป็นหัวหอกตัวเป้า

ส่วน สวิตเซอร์แลนด์ ของ อ็อตมาร์ ฮิตซ์เฟลด์ มีปัญหาในการจัดทัพลงสนามพอสมควร จากการขาดสองตัวหลักคือ อเล็กซานเดอร์ ฟราย กองหน้าเจ้าของสถิติการทำประตูสูงสุดในทีมชาติ 44 ลูก และ วาลอน เบห์รามี่ ปีกตัวเก่ง ที่ยังคงมีอาการบาดเจ็บอยู่ ทำให้ชุดใหญ่ที่สุดที่ลงสนาม ฮิตซ์เฟลด์ จัดมาในระบบ 4-4-2 โดยเอา เกลสัน แฟร์นานเดส ลงเล่นแทน เบห์รามี่ ส่วน เบลส เอ็นคูโฟ่ ดาวเตะวัยดึก ได้รับโอกาสลงสนามแทนที่ ฟราย ส่วนตัวหลักอื่นๆยังลงสนามกันมาอย่างครบครัน

เริ่มเกมขึ้นมาในช่วงแรก สเปน บุกเข้าใส่ สวิต อย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่สามารถลุ้นทำประตูได้อย่างชัดเจน

จังหวะลุ้นประตูแรกของเกม ก็มาจนได้ ในนาทีที่ 24 เคราร์ด ปิเก้ ได้จังหวะรับบอลยาวจากแดนกลาง หลังจากเติมเกมขึ้นมาจากลูกฟรีคิก ก่อนตัดสินใจล็อกบอลหลบกองหลัง สวิต อย่างสวยงามแล้งยิงจ่อๆหน้าปากประตู ระยะ ประมาณ 6 หลา ไปติดตัว เบนาโญ่ ที่ออกมาตัดบอลได้ทันท่วงที

สวิตฯ มีโอกาสบ้าง หลังจากได้ลูกฟรีคิกนอกกรอบเขตโทษ ระยะประมาณ 30 หลา เป็น เรโต้ ซีกเลอร์ ที่รับหน้าที่ยิง แต่บอลข้ามคานออกไปไกล

น.30 สเตฟาน กริชติ้ง ก็เป็นนักเตะคนแรกในเกมนี้ที่ได้รับใบเหลืองจาก เว็บบ์ หลังจากไปดึง อิเนียสต้า หน้ากรอบเขตโทษ ระยะประมาณ 20 หลา แล้วจากจังหวะนี้ บีย่า ก็รับหน้าที่ในการยิงฟรีคิก อัดลูกนี้เต็มข้อไปติดกำแพงของ สวิต ที่สกัดบอลออกมาในจังหวะสุดท้าย

น.36 สวิตเซอร์แลนด์ ต้องเปลี่ยนตัวผู้เล่นก่อนเวลาอันควร หลังจากที่ ฟิลิปป์ เซนเดอรอส ไดรับบาดเจ็บ ทำให้ สตีฟ ฟอน เบอร์เก้น กองหลังตัวสำรองได้รับโอกาสลงมาในสนามแทนที่ในตำแหน่ง เซ็นเตอร์ฮาร์ฟ

น.43 บีย่า ได้จังหวะยิงประตูที่น่าจะเข้าเป็นอย่างยิ่ง หลังจากลากเลี้ยงตะลุยทางกราบขวาขึ้นมาก่อนล็อกหลบ ฟอน เบอร์เก้น แล้วปั่นไปเสาสอง แต่บอลดันปลิ้นไปออกข้างอย่างน่าเสียดาย

จบเกมครึ่งแรก สเปน เต็งหนึ่ง ทำได้เพียงแค่เสมอกับ สวิตเซอร์แลนด์ 0-0

และแล้วประตูแรกของเกมก็มาเกิดขึ้นจนได้ ในนาทีที่ 52 เป็น สวิตเซอร์แลนด์ ที่สามารถทำช็อคโลกได้ เมื่อทำประตูขึ้นนำ สเปน ไปก่อน 1-0 จากจังหวะวางบอลยาวสวนกลับขึ้นมาและเป็น เอเรน แดร์ดิย็อค กองหน้าความเร็วสูงควบบอลก่อนป้ายไปให้ เกลสัน แฟร์นานเดส ยิงในจังหวะแรกไม่ได้ เพราะว่าลูกชุลมุนกันไปมา ระหว่างสี่คน คือ เคราร์ด ปิเก้ และ อีเกร์ กาซิยาส รวมไปถึงสองคนของสวิตที่กล่าวมาในตอนแรก ก่อนที่บอลจะกระฉอกกลับไปให้ เกลสัน แฟร์นานเดส ที่แปบอลเข้าไปง่ายๆในจังหวะสุดท้าย

ในที่สุด สเปน ก็ต้องเปลี่ยนตัวจนได้ เมื่อ เดล บอสเก้ ตัดสินใจส่ง เฟร์นานโด ตอร์เรส และ เฆซุส นาบาส ลงมาแทนที่ เซร์คิโอ บุสเกตต์ และ ดาบิด ซิลบา ในนาทีที่ 62

น.68 หลังจากที่ เฟร์นานโด ตอร์เรส ได้ลงมา สเปน ก็มีโอกาสมากขึ้น จังหวะนี้ ตอร์เรส ได้กระชากบอลขึ้นมาทางกราบซ้ายแล้วยิง แต่ไปติดกองหลังออกไป

ในนาทีที่ 69 สเปน น่าจะได้ประตูตีเสมอเป็นอย่างยิ่ง จาก ชาบี อลอนโช่ ที่ได้จังหวะสับไกระยะประมาณ 30 หลา บอลพุ่งแรงชนเสาอย่างจัง พลาดไปอย่างน่าเสียดาย

สเปน ยังทำเกมรุกบุกอย่าง ต่อเนื่อง จังหวะนี้เป็น นาบาส ในนาทีที่ 71 ได้จังหวะล็อกหลบกองหลังก่อนยิงไปติดในจังหวะสุดท้ายอย่างน่าเสียดาย

น.75 จังหวะสวนกลับของ สวิตเซอร์แลนด์ เกือบเป็นผล เมื่อ เอเรน แดร์ดิย็อค รับบอลจากกลางสนามก่อนลากจี้ขึ้นมาตรงๆ แล้วได้จังหวะยิง ลูกไหลผ่าน การ์ซิยาส ไปแล้ว แต่ไหลไปชนเสา แล้วออกข้างไปอย่างน่าเสียดาย

และในนาทีที่ 77 เดล บอสเก้ ก็ส่งไพ่ตายตัวสุดท้ายลงมา โดยเอา เปโดร โรดดิเกรซ เด็กจรวดจาก บาร์ซ่า ลงมาแทน อิเนียสต้า ที่วันนี้ทำหน้าที่ได้อย่างน่าผิดหวัง

หลังจากนั้น แม้ว่า สเปน จะทำเกมบุกเข้าใส่ สวิตเซอร์แลนด์ อย่างต่อเนื่อง แต่ก็ไม่สามารถหาโอกาสเข้าทำในจังหวะสุดท้ายได้อย่างชัดเจน จนจบเกม เกิดเหตุการณ์ ช็อคโลก! สเปน เต็งหนึ่ง ลงเล่นนัดแรก แพ้ สวิตเซอร์แลนด์ ไป 0-1 ทำให้ในกลุ่มเอช สวิตเซอร์แลนด์ ทำแต้มขึ้นนำเป็น อันดับที่หนึ่งคู่กับ ชิลี หลังจากที่เอาชนะ 1-0 ทั้งคู่ ในนัดแรก

แมน ออฟ เดอะ แมตช์ : เกลสัน แฟร์นานเดส

รายชื่อผู้เล่นที่ลงสนามของทั้งสองทีม
ทีมชาติ สเปน ระบบ 4-5-1
ผู้รักษาประตู : อีเกร์ กาซิยาส (กัปตันทีม)
กองหลัง : โจน คัปเดบีล่า, เคราร์ด ปิเก้, การ์เลส ปูโยล, เซร์คิโอ รามอส
กองกลาง : ชาบี อลอนโซ่, เซร์คิโอ บุสเกตต์ (เฟร์นานโด ตอร์เรส 62), อันเดรส อิเนียสต้า (เปโดร โรดดิเกรซ 77), ดาบิด ซิลบา (เฆซุส นาบาส 62), ชาบี เอร์นานเดซ
กองหน้า : ดาบิด บีย่า

ทีมชาติ สวิตเซอร์แลนด์ ระบบ 4-4-2
ผู้รักษาประตู : ดีเอโก้ เบนาโญ่
กองหลัง : สเตฟาน ลิคท์สไตเนอร์, เรโต้ ซีกเลอร์, ฟิลิปป์ เซนเดอรอส (สตีฟ ฟอน เบอร์เก้น 36), สเตฟาน กริชติ้ง
กองกลาง : เบนจามิน ฮักเกิ้ล, ทรานควิลโล่ บาร์เน็ตต้า (มาริโอ เอ็กกิมันน์ 90), โกคาน อินแลร์ (กัปตันทีม), เกลสัน แฟร์นานเดส
กองหน้า : เบลส เอ็นคูโฟ่, เอเรน แดร์ดิย็อค (ฮาคาน ยาคิน 79)

ผู้ตัดสิน : ฮาเวิร์ด เว็บบ์ (อังกฤษ)